
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (28 พ.ย.) เนื่องจากข่าวระงับการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์และออปชันในตลาด Chicago Mercantile Exchange (CME) อันเนื่องมาจากปัญหาทางเทคนิคได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาด หลังจากในช่วงเช้าตลาดได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,884.42 จุด ลดลง 61.51 จุด หรือ -0.24%, ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,144.76 จุด ลดลง 22.34 จุด หรือ -0.04% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,883.46 จุด เพิ่มขึ้น 8.21 จุด หรือ +0.21%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 1.49% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.1%
โฆษกของซีเอ็มอีระบุในแถลงการณ์ทางอีเมลว่า “ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบระบายความร้อนที่ศูนย์ข้อมูล CyrusOne ตลาดจึงถูกระงับการซื้อขายในขณะนี้” และระบุเพิ่มเติมว่า ทีมสนับสนุนกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะสั้น และจะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดตลาดล่วงหน้า (Pre-Open) ให้ลูกค้าทราบทันทีที่มีข้อมูล
ทั้งนี้ สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและน้ำมันปาล์ม ได้รับผลกระทบในการซื้อขายช่วงเช้านี้ในเอเชีย โดยการซื้อขายล่าสุดของสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.47 น. ตามเวลาสิงคโปร์
นอกจากนี้ ปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้นกับระบบของ CME ยังส่งผลกระทบต่อการซื้อขายสัญญาพันธบัตรของสหรัฐฯ และดัชนี S&P500 ฟิวเจอร์
นักวิเคราะห์จากบริษัท Saxo Markets ในสิงคโปร์ แสดงความเห็นว่า สภาพคล่องในตลาดเบาบางอยู่แล้ว ดังนั้นแม้การหยุดชะงักเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็อาจทำให้ราคาในตลาดพันธบัตรรัฐบาล ตลาดปริวรรตเงินตรา และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์บิดเบือนได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 68)





