หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่ เกาะติดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ-จีนสัปดาห์นี้

นางสาววราภรณ์ วิบูลคณารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ โดยที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ซึ่งในสัปดาห์นี้ตลาดยังรอการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะทยอยออกมามากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางการพิจารณาดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ปัจจัยในประเทศอาจจะยังต้องรอติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศว่าจะมีประเด็นต่อตลาดหุ้นอย่างไรบ้าง ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

โดยให้แนวต้าน 1,265 จุด แนวรับ 1,250 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (28 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,716.42 จุด เพิ่มขึ้น 289.30 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,849.09 จุด เพิ่มขึ้น 36.48 จุด หรือ +0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,365.69 จุด เพิ่มขึ้น 151.00 จุด หรือ +0.65%

– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดผันผวน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 50,318.59 จุด เพิ่มขึ้น 64.68 จุด หรือ +0.12%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,945.87 จุด เพิ่มขึ้น 86.98 จุด หรือ +0.34% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,894.21 จุด เพิ่มขึ้น 5.61 จุด หรือ +0.14%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 พ.ย.) 1,256.69 จุด เพิ่มขึ้น 3.98 จุด (+0.32%) มูลค่าซื้อขาย 30,846.31 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (28 พ.ย.) 1,175.18 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (28 พ.ย.) ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.17% ปิดที่ 58.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 พ.ย.) อยู่ที่ 5.75 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.10 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย

– ธปท. รับห่วง “น้ำท่วมใต้” หวั่น “กดดันเศรษฐกิจ” เร่งมาตรการช่วยลูกหนี้ เปิดทางรัฐใช้งบฉุกเฉินพยุงฟื้นตัว “อีไอซี” คาดจีดีพีไตรมาส 4 อาจโตไม่ถึง 1% ทั้งปีนี้ อาจโตต่ำกว่า 2.1% ส่วนปีหน้าคาดชะลอลงเหลือ โต 1.5% “ซีไอเอ็มบีไทย” ชี้น้ำท่วมใต้กระทบเศรษฐกิจระยะสั้น จำกัดวงในพื้นที่หาดใหญ่สงขลา ฉุดท่องเที่ยว เชื่อมั่นผู้บริโภค

– “หน่วยงานน้ำ” ชงรัฐบาล”รื้องบบูรณาการน้ำ” ปรับโครงการเล็กเป็นโครงการใหญ่ หน่วยงานวางแผนน้ำ หารือ สำนักงบฯ กรมชลประทาน เสนอรัฐบาลหลังงบบูรณาการ 6 หมื่นล้านต่อปี ถูกซอยโครงการเล็กตามนักการเมือง ขาดวางแผนโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ รับมือภัยพิบัติยาก ด้านพื้นที่หาดใหญ่ เสนอปรับคลอง ร.1 คลองอู่ตะเภา ทำทางตัดน้ำจากเขาคอหงส์ เพิ่มโครงสร้างพื้นฐานสกัดท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ

– ททท. เปิดเผยว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการยกระดับตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์อย่างจริงจัง โดย ททท.ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด เพื่อประชาสัมพันธ์และขยายฐานตลาดต่างประเทศหลังผู้ประกอบการและโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งต้องการให้รัฐสนับสนุนการสื่อสารภาพลักษณ์ทางการแพทย์ของไทยในระดับสากล ทั้งในสาขาที่มีความซับซ้อน เช่น การผ่าตัดหัวใจ (Heart Surgery) และการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นบริการที่ต่างชาติให้ความสนใจสูงโดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลางที่เข้ามารับบริการรักษาเฉพาะทางมากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเสริมความงามเท่านั้น

– รฟท. เผยแพร่ประกาศเอกสารประกวดราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) งานก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ราคากลางค่าก่อสร้าง 6,064.96 ล้านบาท และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีสะพานพระราม 6 สถานีบางกรวย-กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) ราคากลางค่าก่อสร้าง 14,729.70 ล้านบาท

– “นิด้าโพล” เผยกระแสการเมืองภาคใต้ ปชป.ครองใจเหนือพรรคอื่น แม้คนจำนวนมากยังไม่พบตัวเลือกที่ใช่ ด้านแคนดิเดตนายกฯ “อภิสิทธิ์” ขึ้นนำ “อนุทิน-ณัฐพงษ์” ขณะที่คนใต้กว่า 30% ระบุ “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้”

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– CBG (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท ผู้บริหารให้ภาพกัมพูชาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดปี 68 เพิ่มเป็น 32% พร้อมเตรียมออกสินค้าใหม่ 12 บาท ตั้งเป้ารายได้ปี 69 โต 20% y-y มาจากในประเทศ +25% ทั้งคาราบาวแดงและสุราข้าวหอม ส่วนต่างประเทศจะโตดีที่เมียนมาและเวียดนาม โรงงานในกัมพูชาได้ลูกค้า OEM จะทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังคาดเริ่มผลิต ธ.ค. ตลาดอัฟกานิสถานเตรียมปรับโมเดลเป็นการขายหัวเชื้อให้พันธมิตร OEM เพื่อลดต้นทุนและแข่งขันในตลาดได้ และมีแผนเตรียมกลับเข้าตลาดจีนอีกครั้ง หากทำได้ตามแผน ประมาณการกำไรสุทธิปี 2569 +2% y-y จะมี upside 5-18%

– SAWAD (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 33.00 บาท เตรียมกลับเข้าสู่ SET50 อีกครั้ง สัปดาห์ก่อนราคาหุ้นปรับลงเกือบ 3% จากความกังวลน้ำท่วมกระทบคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งเราเชื่อว่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับ Downside ที่เราประเมินกระทบกำไรเพียง 1.4% เท่านั้น คาดราคาหุ้นได้ Sentiment บวกจากคาดเป็นหนึ่งในหุ้นมีโอกาสเข้า SET50 รอบ H1/69

– CPALL (พาย) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 68.00 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 6.6 พันล้านบาท (+18%YoY) และมีกำไรปกติ 6.5 พันล้านบาท (+4%YoY, -8%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เรา และ BB consensus คาด กำไรโต YoY หนุนจากการขยายสาขาและอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 10 bps YoY แม้ว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ 7-11 จะลดลง 0.5% YoY

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 68)