เงินบาทเปิด 31.89 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค รับดอลลาร์อ่อน คาดกรอบวันนี้ 31.80-32.05

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.89 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.94 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้แข็งค่า เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยเมื่อคืนนี้สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาค เอกชนออกมาแย่กว่าคาด หนุนตลาดมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในการประชุม สัปดาห์หน้า ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบทุกสกุล

ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามวันนี้ ตลาดรอดูทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) และ ทิศทางราคาทองคำส่วนปัจจัยต่างประเทศ วันนี้จะมีการประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 31.80 – 32.05 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.31 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 155.58 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1660 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1640 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 31.903 บาท/ดอลลาร์ 
  • กกร.ชี้น้ำท่วมทุบเศรษฐกิจไทยทำสูญรายได้ 1.2 แสนล้าน คาดปี 69 จีดีพีขยายตัวแค่ในกรอบ 1.6-2.0% เหตุรับ ผลกระทบจาก เศรษฐกิจจีนยังไม่โต และมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ยังไม่นิ่ง การแข่งขันสินค้านำเข้ามากขึ้น ฉุดภาคการผลิต การจ้าง งาน และกำลังซื้อในประเทศตก ด้าน พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อ พ.ย. 68 ลด 0.49% ลงต่อเนื่อง 8 เดือนติด 
  • ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งใน เดือนพ.ย. โดยธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบมากที่สุด ภาวะการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ คาดว่าเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 47,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. 
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนพ. ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 52.4 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.0 
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (3 ธ.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า 
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (3 ธ.ค.) หลังมีรายงานว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ปรับตัวลงสวน ทางกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมใน สัปดาห์หน้า 
  • นักลงทุนติดตามความคืบหน้าในการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยล่าสุดมีรายงานว่าคณะบริหาร ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกการสัมภาษณ์ผู้เข้ารอบสุดท้าย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เควิน แฮ สเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาวและเป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ จะเข้ามาทำหน้าที่ประธานเฟดแทนเจอโรม พา วเวล ซึ่งจะหมดวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า โดยแฮสเซตต์มีจุดยืนสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก 
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ใน วันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจาก สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 68)