
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดลบในวันอังคาร (9 ธ.ค.) โดยได้รับแรงฉุดจากผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ขณะที่เทรดเดอร์กำลังรอข้อมูลที่คาดว่าจะเผยให้เห็นระดับปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกิน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 63 เซนต์ หรือ -1.07% ปิดที่ 58.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 55 เซนต์ หรือ -0.88% ปิดที่ 61.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปเคยเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบในปีนี้ แต่ความอ่อนแอที่เกิดจากดีมานด์ในช่วงนี้เริ่มกลายเป็นปัจจัยลบท่ามกลางการคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าจะมีอุปทานส่วนเกินเข้าสู่ตลาด โดยนักลงทุนบางส่วนกำลังเทขายสัญญาผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้ราคาเหวี่ยงแรงขึ้น
เทรดเดอร์กำลังจับตามองรายงานจากองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ที่จะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ รวมถึงผลประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธ (10 ธ.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า ผลผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดที่ 13.61 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาด
ด้าน IEA เคยคาดการณ์ว่าจะมีน้ำมันส่วนเกินสูงเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า และปริมาณน้ำมันดิบที่ขนส่งข้ามมหาสมุทรก็กำลังเพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์มองว่า เหตุผลเดียวที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ไม่ลดลงเร็วและลึกกว่านี้ คือการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ธ.ค. 68)





