
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้นมากกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานส่วนเกิน ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.47% ปิดที่ 57.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.49% ปิดที่ 61.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานเชื้อเพลิงส่วนเกินในสหรัฐฯ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 6.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาการเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งหากมีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวก็อาจกลายเป็นก้าวสำคัญในการยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 4 ปี และปูทางให้มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ส่งจะผลให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก
รายงานระบุว่า ยูเครนจะส่งแผนสันติภาพฉบับปรับปรุงใหม่ให้แก่สหรัฐ หลังการหารือที่กรุงลอนดอนระหว่างประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ร่วมกับผู้นำของฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร
นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากยูเครนเปิดปฏิบัติการทางทะเลด้วยการส่งฝูงโดรนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียในทะเลดำจนเสียหายอย่างหนักเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10 ธ.ค.) โดยมีเป้าหมายเพื่อตัดรายได้จากการค้าน้ำมันซึ่งรัสเซียนำไปใช้ทำสงครามกับยูเครน
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2569 ขณะเดียวกันก็ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของอุปทานน้ำมันในปีดังกล่าว
ส่วนกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2568 และ 2569 ไว้ที่ระดับเดิม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 68)





