
นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนทางลง หลังรัฐบาลประกาศยุบสภาแตะเบรดโครงการ TISA และ คนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่เตรียมดันเข้า ครม.สัปดาห์หน้าเกิดความไม่แน่นอนสูง ติดตามเม็ดเงินลงทุนกองทุนและต่างชาติจะตอบรับกับการเมืองอย่างไร คาดโยกเข้าไปพักในกลุ่มแบงก์-สื่อสาร ให้แนวรับหลัก 1,230 จุด หากยืนไม่ได้ SET ดูไม่ดี ส่วนแนวต้าน 1,258 และ 1,250 จุด
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดน่าจะผันผวนอิงทางลง แม้ว่า Sentiment ตลาดต่างประเทศดูดี ดัชนีดาวน์โจนส์ปรับตัวขึ้นต่อจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ย แต่มีความผันผวนจากปัจจัยการเมืองในประเทศที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา ทำให้โครงการ TISA และ โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในสัปดาห์หน้า เกิดความไม่แน่นอนสูง ต้องรอหลังการเลือกตั้งและพรรคภูมิใจไทยต้องกลับมาเป็นรัฐบาล โดยขณะนี้เป็นได้เพียงรัฐบาลรักษาการจึงไม่สามารถอนุมัติโครงการที่มีงบประมาณผูกพันได้
จากที่นโยบายมีความไม่แน่นอน ทำให้ภาพรวมนักลงทุนปรับพอร์ตไม่ทัน กองทุนไม่รู้ว่าจะปรับอย่างไร ก็ต้องติดตาม Fund Flow ต่างชาติจะตอบรับอย่างไรกับการเมือง อย่างไรก็ดีค ดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ากลุ่มแบงก์-สื่อสาร แต่ 2 กลุ่มนี้ Valuation ตึงตัวก็ช่วยพยุงตลาดไม่ได้มาก ทำให้ภาพรวมตลาดแกว่ง sideway down
ให้แนวรับหลัก 1,230 จุด หากยืนไม่ได้ SET ดูไม่ดี ส่วนแนวต้าน 1,258 และ 1,250 จุด
ด้านนายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า มองภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้ให้กรอบแนวรับ 1,230 , 1,250 จุด โดยเรื่องยุบสภาไม่ได้เซอร์ไพรส์ เพราะมองกรอบไทม์ไลน์ไว้ในช่วง ธ.ค.68-ม.ค.69 อย่างไรก็ดี วันนี้กลุ่มค้าปลีกน่าจะรับผลกระทบจากโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ไม่ได้เข้าครม.
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 48,704.01 จุด เพิ่มขึ้น 646.26 จุด หรือ +1.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,901.00 จุด เพิ่มขึ้น 14.32 จุด หรือ +0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,593.86 จุด ลดลง 60.30 จุด หรือ -0.25%
– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดบวก ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 50,480.23 จุด เพิ่มขึ้น 331.41 จุด หรือ +0.66%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,761.41 จุด เพิ่มขึ้น 230.90 จุด หรือ +0.90% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,869.41 จุด ลดลง 3.91 จุด หรือ -0.10%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ธ.ค.) 1,253.54 จุด ลดลง 16.33 จุด (-1.29%) มูลค่าซื้อขาย 28,929.61 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (11 ธ.ค.) 890.73 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (11 ธ.ค.)ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.47% ปิดที่ 57.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ธ.ค.) อยู่ที่ 5.78 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 31.63 แนวโน้มแข็งค่า จับตาความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังยุบสภา
– การเมืองไทยร้อนระอุ “นายกฯอนุทิน” ชิงยุบสภาฯ โพสต์ “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ” จากปมร้อน หลัง “ภูมิใจไทย” โหวต คงอำนาจ สว. 1 ใน 3 ในการแก้รัฐธรรมนูญ อ้างสั่ง สว. ตัดอำนาจตัวเองไม่ได้ ทำ “เท้ง” เดือด ภูมิใจไทยไม่จริงใจต่อการผลักดัน รธน.ฉบับใหม่ เรียก สส.ลงชื่อ เตรียมยื่นซักฟอกร่วมกับเพื่อไทยในวันที่ 12 ธ.ค.นี้
– “ณัฐกร อธิธนาวานิช” ตัวแทน “อัลฟ่า ชาร์เตอร์ดฯ” ผู้ถือหุ้นใหญ่บางจากฯ ยื่นจดหมายแจ้งประธานบอร์ดบางจากฯ หยุดพักการทำหน้าที่กรรมการ และการลงนามใดๆ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม เป็นระยะเวลา 45 วันนับตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.68 หลังบริษัทถูกโยงเกี่ยวข้องการฟอกเงิน ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
– “โดนัลด์ ทรัมป์” ยังไม่ต่อสายกล่อมไทยหย่าศึก “นายกฯ หนู” พร้อมแจงจุดยืนไทยเหตุถูกรุกรานก่อน เผยอธิบายกับ “อันวาร์” แล้ว ฝ่ายค้านห่วงสหรัฐจุ้นมีราคาที่ต้องจ่าย แนะหารือสภาก่อน “ปณิธาน” ชี้เหลือไม่ถึงสัปดาห์ก่อนมหาอำนาจแทรกแซง หวั่นล้มเหลวส่อบานปลายเป็นสงครามตัวแทน กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ ลั่นไทยต้องไม่ยอมรับการแทรกแซงจากประเทศใด
– “คมนาคม” ชง ครม. 16 ธ.ค.นี้ เคาะโมเดล “Single Ownership” รวบสัมปทานรถไฟฟ้า 4 สายจาก BTS-BEM มาบริหารเอง รฟม.ทยอยหารือเอกชน เผยปรับสัญญาเป็น PPP Gross Cost รัฐรับความเสี่ยง ด้านรายได้จากค่าโดยสาร จ้างเอกชน เดินรถและซ่อมบำรุง “พิพัฒน์” เสนอ 2 โมเดล ตั้งกองทุนหรือเจรจาสัมปทานใหม่ คาดใช้เงินซื้อคืนสัมปทาน 1.6 แสนล้านบาท
– “ครม.เศรษฐกิจ” รอประเมินผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชารอบล่าสุด หลังหารือเอกชนรอบแรก จี้แก้ปัญหาและบรรเทาผลกระทบ 5 ด้านจากการทำธุรกิจในกัมพูชา สั่งทำมาตรการช่วยเหลือทางการเงินผ่าน “ซอฟต์โลน” พร้อมชะลอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 7 จังหวัดชายแดนช่วยค่าขนส่ง ช่วยด้านการตลาด แก้ปัญหาความขัดแย้งผ่านกลไก JTC ด้าน “ศุภจี” ย้ำจุดยืนปัญหาชายแดน ไม่ควรใช้เป็นข้อต่อรองทางภาษีสหรัฐยัน พร้อมเดินหน้าเจรจาต่อ
– บอร์ดบีโอไอไฟเขียวโครงการลงทุนใหม่กว่า 2.4 แสนล้านบาท ดาต้าเซ็นเตอร์-พลังงานสะอาดบูม พร้อมคัด 16 โครงการเข้า Thailand FastPass ล็อตแรก รวมมูลค่าลงทุนกว่า 1.7 แสนล้าน ปลดล็อกลงทุน
– ปิดฉากมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2025 ยอดจองรถยนต์กว่า 7 หมื่นคัน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” งานใหญ่โค้งสุดท้ายปี 2568 ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงเกินครึ่งตามติดด้วยรถไฮบริด รถสันดาป รถปลั๊ก-อินไฮบริด ส่วนจักรยานยนต์คึกคัก ผู้ชมรวมกว่า 1.5 ล้าน เงินสะพัด 7 หมื่นล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
– BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31 บาท โมเมมตัมกำไรไตรมาส 4/68 คาดสดสใสจากทิศทางรายได้เติบโตเร่งตัวขึ้นจากไตรมาส 3/68 และ 9 เดือนปี 68 สะท้อนโรคระบาดตามฤดูลล่าช้ามาที่ไตรมาส 4/68 ภาพปีประเมินกำไรเร่งตัวขึ้นเป็น 7-9% y-y ในปี 69-70 หนุนจาก Demand ทั้งผู้ป่วยไทย-ต่างชาติ รวมถึงขยายธุรกิจทั้งโรงพยาบาลและธุรกิจการแพทย์ ระยะสั้นความไม่แน่นอนการเมืองหลังยุบสภามีโอกาสหนุนเม็ดเงินไหลเข้ามาพักกลุ่ม Defensive คาดกลุ่มการแพทย์ได้อานิสงส์เชิงบวก
– MAGURO (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” IAA Consensus 30.75 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/68 โตต่อ +QoQ,+YoY หนุนจากช่วง high season ด้าน SSSG คาดกลับมาบวกในธ.ค.และมีแผนเปิด 4 สาขาใหม่ก่อนสิ้นปีคาดรายได้โตเกินเป้า +30%YoY ส่วนปี 69 ยังใช้กลยุทธ์ขยายแบรนด์ดัง มีแผนขยายไม่น้อยกว่า 15 สาขา และเปิดแบรนด์ใหม่ ตั้งเป้ายอดขาย 5 พันล้านบาทภายในปี 72 ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น 50-55% Consensus คาดกำไรปี 68-69 ที่ 142 ล้านบาท +46%YoY และ 185 ล้านบาท +30%YoY
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 68)





