จีนตั้งเป้าขยายการส่งออก-นำเข้าปีหน้า หวังหนุนการค้ายั่งยืน

สถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีนรายงานการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐกิจระดับสูงของจีนในวันนี้ (13 ธ.ค.) ว่า จีนมีแผนขยายทั้งการส่งออกและการนำเข้าในปีหน้า เพื่อส่งเสริมการค้าอย่างยั่งยืน

แนวทางดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับดุลการค้าเกินดุลระดับหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดยสถานการณ์ดังกล่าวกำลังก่อให้เกิดความตึงเครียดกับประเทศคู่ค้า และถูกตั้งคำถามจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมถึงผู้สังเกตการณ์ว่า โมเดลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เน้นการผลิตของจีนอาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว

ฮั่น เหวินซิ่ว รองผู้อำนวยการคณะกรรมการกิจการการเงินและเศรษฐกิจกลางกล่าวในการประชุมด้านเศรษฐกิจว่า จีนจำเป็นต้องยึดมั่นนโยบายเปิดกว้าง ส่งเสริมความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกันในหลายภาคส่วน และเดินหน้าขยายการส่งออกควบคู่กับการเพิ่มการนำเข้า เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการค้าต่างประเทศอย่างยั่งยืน

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า จีนจะส่งเสริมการส่งออกภาคบริการในปี 2569 พร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้ครัวเรือน ปรับเพิ่มเงินบำนาญพื้นฐาน และยกเลิกข้อจำกัดที่ไม่สมเหตุสมผลในภาคการบริโภค

นอกจากนี้ ฮั่นยังย้ำจุดยืนของรัฐบาลในการควบคุมสงครามการตัดราคาที่นำไปสู่ภาวะเงินฝืด หรือที่เรียกว่า involution ซึ่งหมายถึงการแข่งขันที่รุนแรงเกินจำเป็น ให้ผลตอบแทนต่ำ และบั่นทอนผลกำไรของภาคธุรกิจ

ด้าน IMF เรียกร้องจีนในสัปดาห์นี้ให้ตัดสินใจอย่างกล้าหาญด้วยการชะลอการส่งออกและเร่งกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ โดยคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการผู้จัดการ IMF ระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (10 ธ.ค.) ว่า จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เกินกว่าจะพึ่งพาการส่งออกเพื่อสร้างการเติบโตเพิ่มเติมได้มาก และการเดินหน้าพึ่งพาการเติบโตจากการส่งออกต่อไป อาจยิ่งซ้ำเติมความตึงเครียดทางการค้าโลก

บรรดานักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ความไม่สมดุลที่ฝังรากลึกระหว่างการผลิตและการบริโภคในเศรษฐกิจจีน อาจคุกคามการเติบโตในระยะยาว หากยังคงมุ่งรักษาอัตราการขยายตัวสูงในระยะสั้น

ขณะเดียวกัน ผู้นำจีนให้คำมั่นเมื่อวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.) ว่า จะดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกในปีหน้า เพื่อกระตุ้นทั้งการบริโภคและการลงทุน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจีนจะตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ราว 5%

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 68)

ข่าวล่าสุด