ไทย-กัมพูชา: เข้าสู่วันที่ 7 สถานการณ์สู้รบยังตึงเครียดต่อเนื่อง

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) เป็นต้นมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้มีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปะทะตลอดทั้งคืน ฝ่ายกัมพูชาได้เพิ่มระดับการใช้กำลัง โดยเสริมปืนใหญ่ และจรวด BM-21 หลายพื้นที่ พร้อมตรวจพบ UAV และโดรน FPV อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ฝ่ายไทยตอบโต้เชิงรุกตามแผนอย่างเหมาะสม มุ่งทำลายขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในจุดสำคัญ โดยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และกำลังพลฝ่ายไทยส่วนใหญ่ปลอดภัย โดยมีเหตุการณ์สำคัญดังนี้

– พื้นที่ช่องคานม้า พระวิหาร และตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตรวจพบการเสริมกำลังของฝ่ายกัมพูชา ฝ่ายกัมพูชาโจมตีฝ่ายไทยด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ค., ปืนใหญ่ และ BM-21 ฝ่ายไทยทำการยิงปืนใหญ่ทำลายเป้าหมาย รวมทั้งสามารถยิงทำลายรถบรรทุกของฝ่ายกัมพูชาได้ 1 คัน

– พื้นที่ช่องคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชาทำการโจมตีฝ่ายไทยด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ค., ปืนใหญ่, BM-21 และอากาศยานไร้คนขับทั้งแบบทิ้งระเบิด และ FPV ฝ่ายไทยเสริมความมั่นคงในพื้นที่ และปฏิบัติตามแผนต่อไป

– พื้นที่ปราสาทตาควาย อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชาโจมตีด้วย ค.ใส่ฝ่ายไทย ฝ่ายไทยยิงตอบโต้ตามสถานการณ์ พร้อมทั้งใช้อาวุธเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ AGL ยิงทำลาย บก.ร้อย 1 พัน.ร.444 ของฝ่ายกัมพูชา ส่งผลให้คลังกระสุนของฝ่ายกัมพูชาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ฝ่ายไทยไม่ได้รับความเสียหาย กำลังพลปลอดภัย

– พื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชามีการใช้พลซุ่มยิง, ปืนใหญ่ และจรวด BM-21 ยิงเข้าพื้นที่ฝ่ายไทย ฝ่ายไทยทำการตรึงตลอดพื้นที่การวางกำลัง และตอบโต้ตามเหตุการณ์

กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่าได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ โดยขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากทางราชการ และเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 68)