ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน และภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อชีวิต ทรัพย์สิน การดำเนินธุรกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง
โดย ธปท. ได้กำชับให้ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) และบริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของ ธพ. (บริษัทลูกในกลุ่มฯ) พิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยดังกล่าว ภายใต้แนวทางผ่อนปรนที่ ธปท. กำหนดไว้เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2567
อย่างไรก็ดี เพื่อช่วยบรรเทาภาระและช่วยให้ลูกหนี้ฟื้นตัวกลับมาได้โดยเร็ว ทั้ง 2 หน่วยงานจึงร่วมผลักดันมาตรการด้านการเงินที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างเพียงพอ และตรงจุดยิ่งขึ้น
มาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมนี้ จะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธพ. และบริษัทลูกในกลุ่มฯ ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยในเขตพื้นที่สาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) จนไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ตามปกติ ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและยกเว้นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงพักชำระหนี้ดังกล่าว เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือนนับจากวันที่ลูกหนี้แจ้งความประสงค์หรือตอบรับ (opt-in) ให้กับลูกหนี้รายที่ไม่มีสถานะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2568 โดยลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ จะไม่ได้รับผลกระทบต่อสถานะในเครดิตบูโร
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมนี้ จะครอบคลุมลูกหนี้ ดังต่อไปนี้
1. สินเชื่อธุรกิจ SMEs วงเงินรวมไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อรายต่อกลุ่มธุรกิจทางการเงิน
2. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อบ้านแลกเงิน (Home for cash) วงเงินรวมไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อรายต่อกลุ่มธุรกิจทางการเงิน
3. สินเชื่อเช่าซื้อ หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินรวมไม่เกิน 8 แสนบาทต่อรายต่อกลุ่มธุรกิจทางการเงิน
4. สินเชื่อเช่าซื้อ หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินรวมไม่เกิน 5 หมื่นบาท ต่อรายต่อกลุ่มธุรกิจทางการเงิน
5. สินเชื่อบัตรเครดิต วงเงินรวมไม่เกิน 1 แสนบาทต่อรายต่อกลุ่มธุรกิจทางการเงิน
6. สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล วงเงินรวมไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย ต่อกลุ่มธุรกิจทางการเงิน
ทั้งนี้ ขอให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย ในเขตพื้นที่สาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) ในจังหวัดสงขลา รีบติดต่อธนาคารเพื่อยืนยันตัวตนว่าเป็นผู้ประสบภัยในพื้นที่ พร้อมแสดงหลักฐานความเสียหายภายใน 31 มกราคม 2569 เพื่อให้ธนาคารสามารถให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างทันการณ์
สำหรับลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ประกาศระดับ 4 นั้น จะได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการของแต่ละธนาคารที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เช่น การพักชำระเงินต้น การลด/ยกเว้นดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียม การปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลในกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพ หรือดำเนินธุรกิจได้ตามความเหมาะสมของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 68)