
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.47 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากปิดวันก่อนที่ ระดับ 31.51 บาท/ดอลลาร์
โดยตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down หนุนโดยจังหวะการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด
วันนี้ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยประเมินว่า กนง.อาจลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 1.25% เพื่อประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน พร้อมทั้งช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับครัวเรือนกลุ่มเปราะบางและภาคธุรกิจ SMEs
“การประชุม กนง. วันนี้ เรามองว่า เงินบาทจะเสี่ยงอ่อนค่าลงได้ หาก กนง.ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ กนง. มีมติลดดอกเบี้ยตามคาด และส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพื่อประคองเศรษฐกิจไทย” นายพูนระบุ
นอกจากนี้ ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยังร้อนแรง
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท ยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น และมีโอกาสที่จะแข็งค่ามากกว่าระดับ สิ้นปีแถว 31.85 +/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ แต่โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้เริ่มชะลอตัวลงบ้าง ท่ามกลางการส่งสัญญาณพร้อมเข้ามาดูแลค่าเงินบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงการแสดงความกังวลจากรัฐบาลต่อแนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 31.40-31.60 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
– เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.85 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 154.99 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1746 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร
– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท. อยู่ที่ระดับ 31.516 บาท/ดอลลาร์
– คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประชุมนัดส่งท้ายปี 68 เพื่อพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปีนี้ และคาดการณ์แนวโน้มปี 69 ต้องติดตามว่า กนง.จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยจากรอบล่าสุด (เดือน ต.ค.)หรือไม่ ที่มองว่า GDP ปีนี้จะโตได้ 2.2% ส่วนปี 69 เดิมคาดว่าจะโตได้ 1.6% หลังสารพัดปัจจัยเข้ามาถาโถมในช่วงปลายปี ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมใหญ่ที่ภาคใต้ การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังยุบสภา
– ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (16 ธ.ค.) โดยปรับตัวลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า อัตราว่างงานปรับตัวสูงขึ้นในเดือนพ.ย. ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
– สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2.90 ดอลลาร์ หรือ 0.07% ปิดที่ 4,332.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร (16 ธ.ค.) หลังจากราคาพุ่งขึ้นในระหว่างวัน ภายหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า อัตราว่างงานปรับตัวสูงขึ้นในเดือนพ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
– กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้น 64,000 ตำแหน่ง สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 50,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.5% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน อันเนื่องมาจากนโยบายการค้าที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
– ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐเดือนธ.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 52.2 ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 54.1 ในเดือนพ.ย.
– นักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้า ในการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยล่าสุด สื่อต่างประเทศรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ จะทำการสัมภาษณ์ “คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์” ผู้ว่าการเฟดในวันนี้ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการทำหน้าที่ประธานเฟด แทน “เจอโรม พาวเวล” ประธานเฟดคนปัจจุบัน ซึ่งจะหมดวาระในเดือนพ.ค.ปี 69
– นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนพ.ย. ในวันพฤหัสบดีนี้ (18 ธ.ค.) ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดเดิมที่จะเผยแพร่ในวันที่ 10 ธ.ค. ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการเผยแพร่ดัชนี CPI ประจำเดือนต.ค. ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 7 พ.ย. เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลทำให้ทางกระทรวงไม่สามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ธ.ค. 68)





