
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษก กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกรณีที่มีการปล่อยข่าวโดยสำนักข่าวของกัมพูชาว่ามีการโจมตีที่ใจกลางเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชนว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดต่อไปยังประชาชนที่อยู่ในเมืองปอยเปต และสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่า ประชาชนที่ติดค้างอยู่ที่ปอยเปตทุกคนปลอดภัยดี ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกให้คนไทยในการเดินทางออกจากพื้นที่ปอยเปต และพร้อมออกเอกสารเดินทางฉุกเฉินให้หากมีความจำเป็น
พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าไทยโจมตีเป้าหมายบริเวณนอกเมืองปอยเปตว่า เป้าหมายที่โจมตีคือคลังเก็บอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด โดยเฉพาะจรวด BM-21 ซึ่งเป็นอาวุธที่กัมพูชาใช้โจมตี โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ที่กัมพูชายิง BM-21 เข้ามากว่า 100 ลูก ดังนั้น ในช่วงเช้าวันนี้ไทยจึงปฎิบัติการโจมตีเป้าหมายทางทหาร คลังเก็บ BM-21 ทั้งนี้ ได้มีการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบก่อนโจมตี ซึ่งพบว่าไม่มีพลเรือนอาศัยอยู่
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวจากศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า มติที่ประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 11/2568 ประจำเดือนธ.ค. 68 มีดังนี้
– ด้านกำลังพล: เน้นย้ำการส่งกำลัง บำรุงให้หน่วยแนวหน้าเพื่อให้ปฏิบัติการได้ต่อเนื่อง
– ด้านการศึกษา: ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (MOU) พัฒนาหลักสูตรพัฒนาทักษะ พร้อมมอบโควตาสิทธิพิเศษทางการศึกษาให้แก่กำลังพลและครอบครัวเพื่อสร้างโอกาสทางวิชาชีพ
– ด้านความมั่นคงชายแดน: บูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่
ข้อมูลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ล่าสุดของวันที่ 18 ธ.ค. 68
– ประชาชนเสียชีวิต (ผลกระทบทางอ้อมจากเหตุการณ์) 20 คน
– ประชาชนเสียชีวิต (จากการโจมตีของกัมพูชา) 1 คน
– ประชาชนบาดเจ็บ (จากการโจมตีของกัมพูชา) 6 คน
– ศูนย์พักพิงชั่วคราว มีจำนวน 990 แห่ง
– ประชาชนในศูนย์พักพิง จำนวน 263,993 คน
– โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 20 แห่ง
– รพ.สต. ที่ได้รับผลกระทบ 213 แห่ง
พล.ร.ต.จุมพล นาคบัว โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล กล่าวว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีความอ่อนไหวด้านความมั่นคงทางทะเล และมีความเสี่ยงจากการใช้อาวุธโจมตีในทะเลโดยไม่เลือกเป้าหมาย รวมทั้งมีรายงานการตรวจพบการใช้โดรนในทะเล จากสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินเรือของเรือสัญชาติไทย ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยและผู้ที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้น เพื่อเป็นการแจ้งเตือน เกิดการรับรู้สถานการณ์ และเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ดังกล่าว ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จึงขอแจ้งให้ผู้ควบคุมเรือเจ้าของเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือสัญชาติไทย และผู้ที่เกี่ยวข้อง หลีกเลี่ยงและระมัดระวังในการเดินเรือในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้ง
โดยขอให้ผู้ที่เดินเรือในพื้นที่ที่ประกาศและพื้นที่ใกล้เคียง ระมัดระวังการเดินเรือซึ่งอาจจะถูกรบกวนสัญญาณระบบ GPS ด้วยวิธีการจงใจส่งสัญญาณเท็จ (Spooofing) และวิธีการรบกวนสัญญาณระบบระบุตำแหน่ง (Jamnming) ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุทางทะเล และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
นอกจากนี้ ขอความร่วมมือหากพบการลักลอบนำเรียงยุทธภัณฑ์ หรือน้ำมันเข้ากัมพูชา หรือหากพบโดรนในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว ขอให้แจ้งศูนย์ฯ
นายมงคล สงคราม รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวว่า กระทรวงฯ ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังสถานประกอบการที่อาจจะได้รับผลกระทบ และมีแนวโน้มการเลิกจ้างหรือขาดแคลนแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบแรงงานต่างด้าวที่เดินทางกลับประเทศ
สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อาทิ สำนักงานประกันสังคม ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน, กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดูแลลูกจ้างที่หยุดงาน ช่วยค่าตอบแทน, กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ฝึกอาชีพในศูนย์พักพิงชั่วคราว และกรมการจัดหางาน หางาน เคลื่อนย้ายแรงงานไปทำงานในพื้นที่ที่ปลอดภัย
ส่วนการดูแลแรงงานต่างด้าว มีมาตรการสร้างการรับรู้ให้นายจ้าง/สถานประกอบการในการควบคุมกำกับดูแลแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ ให้งดเว้นยุยงหรือสร้างสถานการณ์ ชุมนุมเรียกร้องสถานการณ์ทางการเมือง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ธ.ค. 68)





