ไทย-กัมพูชา: ไทยพร้อมแจงเวทีอาเซียน ย้ำไม่มีใครกดดันได้/ทร.โต้เฟคนิวส์สไนเปอร์ยิง ผบ.ทร

ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แถลงข่าวความเคลื่อนไหวและการปฎิบัติการทางทหาร ประจำวันที่ 20 ธ.ค. 68

 

สรุปสถานการณ์ความเคลื่อนไหว

– วันที่ 19 ธ.ค. 68

เวลา 18:18 น. ตรวจพบเรือไม่ทราบฝ่ายรุกล้ำน่านน้ำของไทย ทำให้กองทัพเรือจำเป็นต้องยิงเตือนเพื่อปกป้องอธิปไตยไทย

เวลา 20.00 น. ฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิงอาวุธหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณเนิน 350 ที่ฝ่ายไทยพยายามผลักดันฝ่ายกัมพูชาออกจากดินแดนอธิปไตยไทย เพื่อเข้าไปนำกำลังพลฝ่ายไทยที่เสียชีวิตออกจากพื้นที่

เวลา 23.30 น. ฝ่ายไทยปฎิบัติการทางอากาศเพื่อขัดขวางเส้นทางลำเลียงอาวุธของฝ่ายกัมพูชาที่ถูกใช้เป็นเส้นทางของรถยิงจรวด BM-21

– วันที่ 20 ธ.ค. 68

เวลา 11.20 น. ฝ่ายไทยปฎิบัติการอากาศเพื่อทำลายคลังอาวุธของฝ่ายกัมพูชาที่ใช้อาคารกาสิโนร้างเป็นที่ซุกซ่อน

เวลา 12.30 น. ฝ่ายไทยสามารถนำกำลังพลที่เสียชีวิตบริเวณเนิน 350 จำนวน 2 นายออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ

 

มิติด้านการต่างประเทศ

ในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ จะนำคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานความมั่นคงเดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ ในวันที่ 22 ธ.ค.

โดยเวทีอาเซียนจะเป็นเวทีที่สำคัญและเป็นเวทีที่จะเป็นคุณกับไทยและเป็นโอกาสให้สามารถแสดงท่าทีชี้แจงข้อมูลหลักฐานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ที่ทางการไทยได้รวบรวมตั้งแต่เกิดเหตุรอบที่ 2 ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าท่าทีของไทยยืนอยู่บนหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีอะไรที่จะมากดดันฝ่ายไทยทำให้ต้องเสียเปรียบ

 

การปฎิบัติการทางทหาร

– กองทัพบก รายงานว่า ฝ่ายกัมพูชาระดมยิงอาวุธหนักต่อเนื่องบริเวณเนิน 350 อย่างไรก็ตาม ล่าสุดฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่เนิน 350 ได้แล้ว และสามารถนำร่างวีรชนผู้เสียชีวิต 2 นายออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ

นอกจากนี้ กัมพูชาไม่ได้โจมตีเพียงเป้าหมายทางทหาร แต่มีลักษณะยิงปูพรมใส่บ้านเรือนประชาชน โดยมีรายงานความเสียหายตั้งแต่วันที่ 7-19 ธ.ค.

จุดกระสุนตกในพื้นที่พลเรือนไม่น้อยกว่า 138 แห่ง

กระทบบ้านเรือน 80 หลัง

โรงพยาบาลพนมดงรัก 1 แห่ง

ศาสนสถาน 5 แห่ง

โรงเรียน 2 แห่ง,

พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 5,800 ไร่

– จำนวนผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ

ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย

ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 6 ราย

– ระบบสาธารณูปโภค

เส้นทางสัญจร 5 จุด

เสาไฟฟ้าแรงสูง 2 ต้น

– พื้นที่ทางการเกษตร

ไร่อ้อย 5,842 ไร่

ไร่ยูคาลิปตัส 42 ไร่

สวมมะม่วง 9 ไร่

– ปศุสัตว์ กว่า 170 ตัว

– กองทัพเรือ ได้ทำตามกฎการปะทะ (Rules of Engagement) โดยมีการยิงเตือนเรือไม่ทราบฝ่ายที่รุกล้ำน่านน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ได้มีการยิงสกัดเรือกัมพูชาที่พยายามติดตามหมู่เรือไทยในระยะประชิดจนต้องล่าถอยไป ซึ่งขณะนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุม

ส่วนกระแสข่าวทหารกัมพูชาใช้สไนเปอร์ยิงผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือไทย ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) นั้นไม่เป็นความจริง ข้อเท็จจริงเป็นเหตุการณ์การใช้อาวุธปืนจากพลซุ่มยิงของฝ่ายกัมพูชาที่มุ่งหมายต่อชีวิตของผู้นำหน่วยทหารในระดับพื้นที่บริเวณ บ้าน 3 หลังจังหวัดตราด

นอกจากนี้ กองทัพเรือตรวจพบกลุ่มบุคคลที่เชื่อว่าเป็นทหารฝ่ายกัมพูชา เปลี่ยนเครื่องแบบเป็นชุดพลเรือนเพื่อแทรกซึมและอาจใช้บิดเบือนข่าวว่ากองทัพไทยทำร้ายประชาชน

แฝงตัวอยู่ในประชาชน ซึ่งข่าวในลักษณะนี้ บ่งชี้แนวโน้มจะมีการบิดเบือนว่ากองทัพไทยจะทำร้ายประชาชนกองทัพไทย
พบมีทางกัมพูชาได้มีการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นชุดพลเรือนและแฝงตัวอยู่ในประชาชน ซึ่งข่าวในลักษณะนี้ บ่งชี้แนวโน้มจะมีการบิดเบือนว่ากองทัพไทยจะทำร้ายประชาชนกองทัพไทย โดยขอย้ำว่า เราปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด และเราถือเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

– กองทัพอากาศ ใช้ยุทธการตัดเส้นทางลำเลียงอาวุธ ล่าสุดได้โจมตีคลังอาวุธที่ซุกซ่อนในกาสิโนร้าง และสะพานโอจิก เพื่อตัดเส้นทางส่งกำลังพลของกัมพูชาไปยังเนิน 350 และปราสาทตาควาย เพื่อลิดรอนขีดความสามารถทางกำลังรบ ซึ่งรถใหญ่บรรทุก BM-21 ไม่สามารถผ่านได้ แต่รถเล็กยังใช้ได้ ซึ่งการโจมตีครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นการกดดันและส่งสัญญาณไปยังผู้นำรัฐบาลกัมพูชาว่ากองทัพไทยจะปฏิบัติการทหารอย่างต่อเนื่องจนกว่าทางกัมพูชาจะยอมรับเงื่อนไขที่ทางรัฐบาลไทยเสนอไปทั้ง 3 ประการเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงและการเจรจาสันติภาพ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 68)

ข่าวล่าสุด