
พรรคเพื่อไทย นำโดยนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะแกนนำพรรค เดินทางลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อรับฟังความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยมุ่งเน้นปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก การบริหารจัดการน้ำของรัฐ และปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในวงกว้าง
จุดหมายแรกของคณะอยู่ที่ตำบลชายนา อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน ทั้งความเสียหายต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน พื้นที่เพาะปลูก รวมถึงผลกระทบทางร่างกายและจิตใจของประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วมยืดเยื้อ
ชาวนาในพื้นที่สะท้อนปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูง ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ขณะที่ราคาข้าวตกต่ำจนขายไม่ได้กำไร นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดจากมาตรการห้ามเผาตอซังข้าวของภาครัฐ ซึ่งแม้จะมีเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม แต่การใช้วิธีหมักย่อยสลายต้องใช้เวลานาน ทำให้ไม่ทันต่อรอบการเพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป พอหมักฟางไม่ทันไรอีกเดือนน้ำก็ท่วมแล้ว และไม่สามารถกำจัด “ข้าวดีด” ซึ่งเป็นวัชพืชที่ปนเปื้อนเมล็ดพันธุ์ ส่งผลให้ผลผลิตด้อยคุณภาพและนาข้าวเสียหายในระยะยาว
โดยข้อเสนอจากชาวนาในพื้นที่ คือ ขอให้ภาครัฐกำหนดช่วงเวลาเผาตอซังอย่างมีเงื่อนไข เพื่อควบคุมและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันยังช่วยกำจัดข้าวดีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ทนต่อโรค ให้ผลผลิตสูง หรือจำหน่ายในราคาที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุน การลดราคาน้ำมันหรือจัดสรรโควตาพิเศษให้เกษตรกร แก้ปัญหาพ่อค้าคนกลางกดราคา และขยายตลาดส่งออกเพื่อเพิ่มโอกาสทางรายได้ และอยากฝากความหวังไว้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าอย่างไรก็ได้เป็นรัฐบาลแน่
หลังรับฟังปัญหาและข้อเสนออย่างครบถ้วน นายยศชนัน กล่าวว่า การลงพื้นที่ทำให้เห็นภาพจริงที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากการทำงานอยู่ในห้องประชุมเพียงอย่างเดียว การเดินเท้า พูดคุย และมาเห็นชีวิตจริงๆ ของประชาชนในพื้นที่ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์จริง พร้อมระบุว่า ปัญหาน้ำท่วมในอยุธยาไม่ใช่เรื่องเฉพาะจุด แต่เป็นผลจากโครงสร้างการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ จำเป็นต้องมีแผนระบายน้ำที่เป็นธรรม “แชร์ความทุกข์” ระหว่างพื้นที่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ เพื่อลดความเสียหาย ไม่ใช่แก้เฉพาะพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
นายยศชนัน ยังกล่าวถึงแนวคิดการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร ตั้งแต่การป้องกัน การรับมือ ไปจนถึงการฟื้นฟู โดยผสมผสานมาตรการทางวิศวกรรม เช่น การขุดลอกคูคลอง ปรับปรุงระบบระบายน้ำ การก่อสร้างโครงสร้างถาวรอย่างคุ้มค่า ควบคู่กับมาตรการที่ไม่ใช่วิศวกรรม อาทิ การวางผังการใช้ที่ดิน ระบบเตือนภัยล่วงหน้า และการใช้เทคโนโลยีฐานข้อมูลที่ตรวจสอบได้ เพื่อให้ข้อมูลการตัดสินใจเป็นจริงและไม่ขึ้นกับการเมือง รวมถึงการผลักดันระบบเยียวยาที่สะท้อนความเสียหายจริง ทั้งค่าซ่อมแซมบ้านเรือน ค่าครองชีพรายวัน สวัสดิการลดค่าน้ำค่าไฟ และการส่งเสริมระบบประกันภัยพืชผล เพื่อให้ประชาชนสามารถฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่จุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากส่งเสียงไปยังรัฐบาลให้เร่งแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะมีสถานการณ์อื่นเข้ามาซ้อน แต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาต้องเผชิญน้ำท่วมมาเป็นเวลาหลายเดือน ความเดือดร้อนของประชาชนไม่อาจรอได้ โดยระบุว่า กลไกการเยียวยาเบื้องต้น 9,000 บาท บางส่วนได้รับแล้ว แต่เงินเยียวยาเพิ่มเติมอีก 20,000 บาท ยังล่าช้า รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมย้ำว่าการช่วยเหลือไม่ควรหยุดแค่ช่วงน้ำท่วม แต่ต้องครอบคลุมความเสียหายหลังน้ำลด ทั้งบ้านเรือน พื้นที่เกษตร และคุณภาพชีวิตของประชาชน
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญของพรรคเพื่อไทย และเป็นการลงพื้นที่อย่างเป็นทางการครั้งแรกของผู้ได้รับการเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ร่วมกับทีมผู้บริหารพรรค หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยคณะผู้ร่วมลงพื้นที่ประกอบด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 68)





