เงินบาทเปิด 31.40 แนวโน้มแข็งค่า จับตาตัวเลขส่งออกไทยสัปดาห์นี้

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.40 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 31.47 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์ เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down โดยได้รับอานิสงส์จากธีม Japanese Yen Debasement หลังตลาดต่างยังคงกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่น และแนวโน้มการดำเนินนโยบาย การเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) หลัง BOJ ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมทั้งส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคต

สำหรับสัปดาห์นี้ ที่จะมีการรายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย.68 นักวิเคราะห์ประเมินว่า ยอดการส่งออก (Exports) ของไทยอาจขยายตัวราว +9%y/y ส่วนยอดการนำเข้า (Imports) ขยายตัวราว +14% ส่งผลให้โดยรวม อาจยังขาด ดุลการค้าราว -1.3 พันล้านดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ จนถึงไตรมาสแรกของปี 69 มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down ตามแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานอย่างช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว

แต่ระยะสั้น การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจชะลอลงบ้าง แม้เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนจากการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคา ทองคำ และโฟลว์การท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เงินดอลลาร์ก็สามารถทยอยแข็งค่าขึ้นได้ ตามการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ตั้งแต่การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 31.30-31.50 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  •  เงินเยน อยู่ที่ระดับ 157.45 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 157.00/04 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1720 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1715/1716 ดอลลาร์/ยูโร 
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.438 บาท/ดอลลาร์ 
  • จับตาการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มอาเซียน (AMM) วาระพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์กัมพูชาและไทย ที่กรุงกัวลา ลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันนี้ (22 ธ.ค.) โดยอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า ไทยและกัมพูชาได้ตกลงที่จะ เข้าร่วมการประชุมพิเศษดังกล่าว เพื่อทำการเจรจาป้องกันไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนทวีความรุนแรงมากขึ้น 
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3% และคงอัตรา ดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.5% ในวันนี้ (22 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แม้มีข้อมูลบ่งชี้ ว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ชะลอตัวลง และภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงอยู่ในภาวะตกต่ำก็ตาม 
  • เงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบราว 1 เดือน บริเวณช่วง 157 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ (19 ธ.ค.) ใกล้ระดับที่อาจกระตุ้นให้ทางการเข้าซื้อเพื่อพยุงค่าเงิน หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ไม่ได้ให้ความ ชัดเจนเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต 
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.9 ในเดือนธ. ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 53.5 จากระดับ 51.0 ในเดือนพ.ย.
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2568, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำไตรมาส 3/2568, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จาก Conference Board, ADP รายงานตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนรายสัปดาห์, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 68)