น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.49 คาดภูมิรัฐศาสตร์ตึงเครียดกระทบอุปทาน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกกว่า 2% ในวันจันทร์ (22 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะชงักงัน หลังจากสหรัฐฯ ยังคงพยายามยึดเรือบรรทุกน้ำมันของเวเนซุเอลา รวมทั้งรายงานที่ว่ากองกำลังทหารของยูเครนได้ทำการโจมตีเรือของรัสเซียในทะเลดำ

  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.64% ปิดที่ 58.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.65% ปิดที่ 62.07 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ พยายามไล่ล่าเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าเรือลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายลักลอบขนส่งน้ำมันที่ผิดกฎหมายของเวเนซุเอลา โดยหากจับกุมสำเร็จ เรือลำนี้จะนับเป็นเรือบรรทุกน้ำมันของเวเนซุเอลาลำที่ 3 ที่สหรัฐฯ ยึดได้ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีคำสั่งให้ปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันทั้งหมดที่ถูกคว่ำบาตร ไม่ให้เดินทางเข้าและออกจากเวเนซุเอลา

น้ำมันดิบของเวเนซุเอลาคิดเป็น 1% ของอุปทานทั่วโลก และส่วนใหญ่ถูกขายให้กับจีน ด้านรัฐบาลจีนได้แสดงความไม่พอใจ โดยกล่าวว่าการที่สหรัฐฯ ยึดเรือของประเทศอื่นถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง หลังจากที่สหรัฐฯ ได้สกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันที่บริเวณนอกชายฝั่งเวเนซุเอลาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) โดยเรือลำดังกล่าวมีปลายทางที่ประเทศจีน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่ากองกำลังทหารของยูเครนใช้โดรนโจมตีเรือของรัสเซียที่ท่าเรือในทะเลดำ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่เรือสองลำ ท่าเทียบเรือสองแห่ง และทำให้เกิดไฟไหม้ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลดำ ในภูมิภาคคราสโนดาร์ของรัสเซีย ทั้งนี้ ทะเลดำถือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งออกพลังงานของรัสเซีย

นักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพยูเครน โดยสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ยุโรป และยูเครน ที่จัดขึ้นในรัฐฟลอริดาในช่วงสุดสัปดาห์ โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้น เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และให้ผลในเชิงบวก

อย่างไรก็ดี ที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศระดับสูงของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า การที่ยุโรปและยูเครนได้ทำการเปลี่ยนแปลงข้อเสนอของสหรัฐ นั้น ไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุสันติภาพแต่อย่างใด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 68)