
นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มราคาทองคำปี 2569 ยังคงเป็นทิศทางเชิงบวก และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง โดยประเมินกรอบเป้าหมายราคาทองโลกไว้ที่ 4,750-4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองไทย ประมาณ 72,000-74,000 บาท ภายใต้สมมติฐานค่าเงินบาทที่ 32 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับมุมมองเชิงกลยุทธ์ประเมินว่า หากราคาทองคำโลกมีการพักตัวแต่ยังไม่หลุดแนวรับสำคัญ ที่ 3,450 ดอลลาร์ จะยังคงเป็นการพักฐานเพื่อขึ้นต่อ โดยมีจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ 2 ระดับ ได้แก่ โซนพักตัวระยะสั้นที่ 4,050-3,990 ดอลลาร์ และโซนแนวรับลึกในกรณีปรับฐานแรงกว่าปกติที่ 3,885–3,750 ดอลลาร์ โดยมีกรอบรอทำกำไรเป้าหมายใหญ่กรณี Bull Case ที่ 4,750-4,900 ดอลลาร์
ส่วนของทองคำไทยยังมีช่องว่างให้ปรับตัวขึ้นได้อีกมาก โดยมีโอกาสขยับขึ้นไปถึงช่วง 72,000-74,000 บาท แต่หากเงินบาทแข็งค่าไปแตะระดับ 31 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ราคาไทยขึ้นช้ากว่าทองโลก อย่างไรก็ตามหากเงินบาทอ่อนค่าในช่วง 33-34 บาท/ดอลลาร์ ทำให้อาจจะเห็นราคาทองในประเทศมีโอกาสขึ้นเหนือ 75,000 บาทได้ไม่ยาก ดังนั้นจังหวะที่ราคาย่อตัวลงมาแถวโซน 61,500–60,500 บาท จึงเป็นโอกาสในการเข้าสะสมเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนที่ถือทองไว้ในมือที่ระดับ 64,000 บาท ยังมี Upside ให้ลุ้นทำกำไรได้อีกราว 7,000–10,000 บาท ตามเป้าหมายสูงสุดที่ประเมินไว้
“ด้านปัจจัยหนุนสำคัญที่ต้องติดตามในปี 2569 ประกอบด้วย สัญญาณทางเทคนิคที่เป็นขาขึ้นชัดเจนในกรอบระยะยาวและการเกิด Bullish Breakout หลายครั้ง ทำให้การย่อตัวถูกมองเป็นเพียงการพักฐานเพื่อสะสมกำลัง ขณะเดียวกันทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง อย่างต่อเนื่องในปี 2568–2569 รวมถึงความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของ Fed จากการแทรกแซง ทางการเมืองและการเปลี่ยนตัวประธาน Fed ซึ่งเป็นปัจจัยบวกโดยตรงกับราคาทองคำ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และแรงซื้อจากกองทุน ETF ท่ามกลางความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังร้อนแรงโดยเฉพาะความตึงเครียดในเอเชียระหว่างจีนและญี่ปุ่น”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 68)





