ดาวโจนส์รีบาวด์กว่า 300 จุด นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นดิ่งหนักวานนี้

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันนี้ จากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุนที่ได้เข้าช้อนซื้อหุ้นที่ดิ่งลงอย่างหนักวานนี้ ท่ามกลางความวิตกว่าการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

ณ เวลา 20.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,283.07 จุด บวก 312.60 จุด หรือ 0.92%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 1.8% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค., ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 1.7% โดยทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. ส่วนดัชนี Nasdaq ลบ 2.2%

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นในวันนี้ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน

นายมาร์โค โคลาโนวิช นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ระบุว่า เขายังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้น แม้เกิดวิกฤตหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์

นายโคลาโนวิชกล่าวว่า การทรุดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ ถือเป็นโอกาสในการเข้าช้อนซื้อหุ้นของนักลงทุน โดยการดิ่งลงของดัชนีดาวโจนส์เกิดจากการที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ และนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก และมีปฏิกริยาต่อข่าวเอเวอร์แกรนด์มากเกินไป

นอกจากนี้ นายโคลาโนเอวิชยังคาดว่า ดัชนี S&P 500 จะแตะระดับ 4,700 ภายในสิ้นปีนี้ โดยพุ่งขึ้น 8% จากระดับ 4,357.73 ซึ่งเป็นระดับปิดตลาดวานนี้

ถึงแม้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททะยานขึ้นในวันนี้ แต่ตลาดหุ้นยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการปรับฐานจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์, การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเดือนนี้, การที่สภาคองเกรสอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล, ความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้และพรุ่งนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมครั้งนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้มาถึงจุดที่ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนโยบายเฟดอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้ ตราบใดที่เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว

นายวิลเลียม ดัดลีย์ อดีตประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ทรุดตัวลงวานนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ จะไม่ส่งผลให้เฟดเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการปรับลดวงเงิน QE

"เฟดจะไม่มีปฏิกริยาต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเพียงเล็กน้อย และเฟดจะไม่เลื่อนแผนการปรับลด QE" นายดัดลีย์กล่าว และคาดว่า เฟดจะส่งสัญญาณในการประชุมสัปดาห์นี้ว่า เฟดจะทำการปรับลด QE ในการประชุมเดือนพ.ย.