ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด ก่อนเผยผลประกอบการ,ประชุมเฟดสัปดาห์นี้

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

ณ เวลา 21.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,848.80 จุด ลบ 148.18 จุด หรือ 0.48% อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 บวก 0.26% ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 1.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกที่ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจจะต้องปรับลดวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส

ทั้งนี้ สมาชิกสภาคองเกรสหลายรายทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งข้อสงสัยถึงความจำเป็นของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดน

ท่าทีดังกล่าวของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอาจกดดันให้ปธน.ไบเดนจะต้องลดวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ และการที่หุ้นเริ่มมีราคาแพง หลังจากพุ่งขึ้นขานรับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดนก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ค่า Forward P/E Ratio ของดัชนี S&P 500 อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในช่วงเกิดฟองสบู่ดอทคอมในปี 2543

บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ได้แก่ แอปเปิล, ไมโครซอฟท์, โบอิ้ง, เน็ตฟลิกซ์ และเทสลา

ข้อมูลระบุว่า ในบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่มีการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 4/63 แล้ว มีจำนวน 73% ที่รายงานตัวเลขรายได้และกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

เฟดจะจัดการประชุมในวันที่ 26-27 ม.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ขณะที่ตลาดจับตาดูว่าเฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนหรือไม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ