ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด ต้อนรับไบเดน,ผลประกอบการ

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด ก่อนการทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ณ เวลา 22.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 31,141.78 จุด บวก 211.26 จุด หรือ 0.68%

ราคาหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์และเน็ตฟลิกซ์ ต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้ ขานรับผลประกอบการที่สูงเกินคาด

มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2563 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ มอร์แกน สแตยลีย์ระบุว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 1.81 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.27 ดอลลาร์/หุ้น

ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 1.364 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.154 หมื่นล้านดอลลาร์

ทางด้านบริษัทเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2563 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้และจำนวนผู้ใช้บริการสูงกว่าคาด

ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.39 ดอลลาร์/หุ้น

อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 6.64 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.62 พันล้านดอลลาร์

ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8.5 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.5 ล้านราย

นักลงทุนจับตาพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดนซึ่งมีกำหนดในช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเที่ยงคืนนี้ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ นายไบเดนจะเร่งขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันนี้ โดยเขากล่าวว่าการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี

นอกจากนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของนายไบเดน มิฉะนั้น เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับภาวะถดถอยที่ยาวนาน และประสบความเสียหายในระยะยาว

นางเยลเลนระบุว่า รัฐบาลของนายไบเดนจะให้ความสำคัญต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าการปรับเพิ่มอัตราภาษี โดยประโยชน์จากการออกมาตรการเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จะมีมากกว่าค่าใช้จ่ายจากภาระหนี้ที่สูงขึ้น