ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลง แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาด

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงเล็กน้อยในวันนี้ แม้มีการเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

ณ เวลา 23.42 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.11% สู่ระดับ 53.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล

EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 2 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล

ตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในยุโรปและจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมัน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียสมัครใจปรับลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.125 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.

ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่รัสเซียและคาซัคสถานเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวมกัน 75,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ.และมี.ค.

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าวจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์

คาดว่านายไบเดนจะขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว หลังจากที่เขาเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. ขณะที่พรรคเดโมแครตสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากที่ถูกขัดขวางก่อนหน้านี้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์