ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบ หลังวอลล์สตรีทพุ่งวานนี้ต้อนรับไบเดน

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบในวันนี้ หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นวานนี้ ขานรับการเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดน

ณ เวลา 20.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 20 จุด หรือ 0.06% สู่ระดับ 31,116 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ หลังจากนายไบเดนเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ของนายไบเดนจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร นำโดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ที่ทะยานขึ้นเกือบ 17% หลังบริษัทเปิดเผยจำนวนผู้ใช้บริการที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2563

การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการของนายไบเดนทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเร่งผลักดันการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังจากที่นายไบเดนได้นำเสนอมาตรการ "American Rescue Plan" วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์, การเพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์ และเพิ่มวงเงินช่วยเหลือคนตกงานเป็น 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ โดยจะขยายโครงการช่วยเหลือดังกล่าวไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.

นักลงทุนจับตานายไบเดนซึ่งจะประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ และเขาจะลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีจำนวน 10 ฉบับเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในสหรัฐ

ทั้งนี้ คำสั่งพิเศษดังกล่าวจะรวมถึง การกำหนดให้ชาวอเมริกันจะต้องสวมหน้ากากอนามัยที่สนามบิน, สถานีรถไฟ และสถานีรถขนส่งระหว่างรัฐ

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนจะลงนามในคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อเร่งรัดกระบวนการตรวจหาผู้ติดเชื้อ, แก้ปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ตรวจเชื้อ, การให้ข้อมูลแก่ผู้เดินทางระหว่างประเทศ รวมทั้งการโอนงบประมาณจากกองทุนภัยพิบัติแห่งชาติเพื่อช่วยเหลือชุมชนของคนกลุ่มน้อยในสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ขณะเดียวกัน ปธน.ไบเดนจะระดมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐบาลกลางและบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหลายพันคนเพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ชาวอเมริกัน หลังจากที่รัฐบาลของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ได้พลาดเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวอเมริกันจำนวน 20 ล้านคนภายในปี 2563

ปธน.ไบเดนยังเตรียมประกาศใช้กฎหมายการผลิตยามสงคราม (Defense Production Act) เพื่อเร่งการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีการผลิตชุด PPE, ชุดตรวจสอบโควิด และมีการจัดสรรวัตถุดิบในการผลิตวัคซีนอย่างเพียงพอ

ทั้งนี้ กฎหมายการผลิตยามสงครามจะให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐในการสั่งการให้บริษัทต่างๆทำการผลิตในสิ่งที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งจะทำให้สหรัฐได้รับวัตถุดิบที่มีความจำเป็นในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19