ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.75/79 ระหว่างวันผันผวน คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.60-35.90

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.75/79 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง
เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 36.02 บาท/ดอลลาร์
          เงินบาทวันนี้ค่อนข้างผันผวน โดยในช่วงเช้าเงินบาทค่อนข้าง swing และย่อตัวลงในช่วงบ่าย หลังจากที่ตลาดฝั่งยุโรปเริ่ม
เปิดทำการ รวมทั้งจากปัจจัยที่กรรมการธนาคาครกลางสหรัฐ (เฟด) เห็นพ้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราที่ชะลอลง เพราะกังวลว่า
เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย ซึ่งทำให้มีแรงเทขายดอลลาร์ออกมา
          นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60 - 35.90 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 138.56/58  เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 141.36 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0417/0420 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0304 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,624.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.56 จุด (+0.03%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 45,928 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,915.32 ลบ.(SET+MAI)
          - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-19 พ.ย. 65 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สะสม 8,206,035 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวสะสมประมาณ 2.81 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เดินทางเข้าไทยสูง
สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย รองลงมา อินเดีย, สิงคโปร์, ลาว และเวียดนาม
          - ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปรับเป้าหมายเงินบาทปี 65 เป็น 35.25 บาท/ดอลลาร์ จากเดิมที่คาด 37.50 บาท/
ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดการเงิน มีความเชื่อมั่นว่า เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งน่าจะทำให้นโยบายการเงินของธนาคาร
กลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยช้าลง และมีลุ้นว่าอาจจะต้องปรับดอกเบี้ยลงภายในปีหน้า ซึ่งการคาดการณ์นี้ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัว
ลดลง ทำให้คาดว่าเงินบาทปี 66 มีทิศทางแข็งค่าขึ้น โดยให้กรอบที่ 33.50-34.00 บาท/ดอลลาร์
          - สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก ประเมินว่าการส่งออกของไทยปี 66 ยังมีโอกาส
ขยายตัวได้ 2-3% ที่มูลค่าประมาณ 3.03 - 3.04 แสนล้านดอลลาร์ โดยสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารจะเป็นพระเอกหลัก และเชื่อว่า
การส่งออกจะยังเป็นกลไกสำคัญหนึ่งที่ช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีหน้า
          - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือน ต.ค.65 อยู่ที่ 94,228 คัน ขยายตัว 
15.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 84,917 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.
ค.-ต.ค.65) อยู่ที่ 800,672 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.48% คิดเป็นมูลค่ารวม 727,468 ล้านบาท
          - ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แจ้งเตือนบรรดากรรมการเฟดว่า มีโอกาสสูงขึ้นเกือบ 50% ที่
เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 เนื่องจากมีความเสี่ยงที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะชะลอตัวลง รวมทั้งความเสี่ยงที่จะ
เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
          - รัฐบาลจีนส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นด้านการเงินเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคาร
พาณิชย์ (RRR) โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจซึ่งกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการใช้
มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาด
          - CEO บริษัทไบแนนซ์ (Binance) ตั้งเป้าที่จะระดมทุนประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในภาค
ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และจะทำการประมูลอีกครั้งในบริษัทวอยเอเจอร์ ดิจิทัล (Voyager Digital) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการปล่อยกู้
คริปโทเคอร์เรนซีที่ล้มละลาย
          - ประธานคนใหม่ขององค์กรคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (IOSCO) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้า
ระวังด้านหลักทรัพย์ระดับโลก เปิดเผยว่า การล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ได้เพิ่มความเร่งด่วนในการเข้าควบคุมดูแลธุรกิจ
คริปโทเคอร์เรนซีขึ้นอย่างมาก และจะให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทในปี 2566