ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าบวก นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจจีน-ออสเตรเลีย

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกในวันนี้ (4 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากจีนและการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลางออสเตรเลียในสัปดาห์นี้

  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,899.99 จุด เพิ่มขึ้น 189.37 จุด +0.58%
  • ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,851.35 จุด เพิ่มขึ้น 469.29 จุด หรือ +2.55% และ
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,168.38 จุด เพิ่มขึ้น 35.13 จุด หรือ +1.12%

ดัชนี Hang Seng China Enterprises Index (HSCEI) ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง พุ่งขึ้นในวันนี้ (4 ก.ย.) ขานรับข่าวจีนออกมาตรการสนับสนุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการลดเงินดาวน์สำหรับผู้ซื้อบ้าน และผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสินเชื่อเพื่อการกู้จำนองในเมืองใหญ่ของจีน

ดัชนี HSCEI ปรับตัวขึ้นมากถึง 2.2% นำโดยหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เช่น หุ้นบริษัทไชน่า รีซอร์สเซส แลนด์ (China Resources Land) และบริษัทไชน่า โอเวอร์ซีส์แลนด์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ (China Overseas Land & Investment) ส่วนดัชนีของบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) ที่ติดตามหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของจีน พุ่งขึ้น 3% เช่นกัน

ธนาคารกลางออสเตรเลียมีกำหนดประกาศการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันอังคารที่ 5 ก.ย. ขณะที่จีนมีแนวโน้มที่จะเปิดเผยดุลการค้าสำหรับเดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดี 7 ก.ย.และอัตราเงินเฟ้อในสัปดาห์หน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,837.71 จุด เพิ่มขึ้น 115.80 จุด หรือ +0.33% ในวันศุกร์ที่ 1 ก.ย. ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,515.77 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,031.81 จุด ลดลง 3.15 จุด หรือ -0.02%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% ขณะที่การขยายตัวของค่าจ้างชะลอตัวลง

ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า เฟดประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อ และตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เฟดใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ย. 66)

Tags: ,
Back to Top