ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 36.49/50 แกว่งแคบ รอปัจจัยใหม่ จับตาประชุม ECB คืนนี้ตลาดคาดลดดอกเบี้ย

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.49/50 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่
เปิดตลาดที่ระดับ 36.48 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.45-36.55 บาท/ดอลลาร์ 
          เงินบาทยังไร้ปัจจัยใหม่ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาไม่ดี ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลให้เงินบาทและสกุล
เงินในภูมิภาคแข็งค่า
          สำหรับคืนนี้ต้องรอติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งตลาดมีการคาดการณ์ว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง
หาก ECB มีการลดดอกเบี้ยตามคาด อาจส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าไปอีกได้ หรืออาจไม่ขึ้นลงมากนัก เนื่องจากมีบางส่วนรับข่าวไปล่วงหน้า
แล้ว
          นอกจากนี้ ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต้องติดตาม ทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดนำเข้า-ส่ง
ออก และดุลการค้าเดือนเม.ย.
          นักบริหารเงิน ประเมินว่า เงินบาทในวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.40 -36.70 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 155.92/95 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 155.65 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0878/0881 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0889 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,328.41 จุด ลดลง 9.91 จุด (-0.74%) มูลค่าซื้อขาย 45,585.25 ล้านบาท 
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,210.51 ล้านบาท
          - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาด
โลกอยู่ในช่วงของการพักฐานระยะสั้น หลังจากที่ปรับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นับจากต้นปี 67 จนถึงวันที่ 4 มิ.ย.67 เวลา 
15.15 น. ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาแล้ว 13.22% สู่ระดับ 2,335 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ทองคำในประเทศ 96.5% ปรับตัวขึ้นมาก
ถึง 20.21% สู่ระดับ 40,450 บาท/บาททองคำ รับปัจจัยเสริมจากทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่า โดยจากการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากจึงเริ่มมี
การขายทำกำไรและส่งผลให้เกิดการพักฐานระยะสั้น
          - รมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ว่า ได้พบหารือกับบริษัทประธานบริษัท "ดูไบ พอร์ต เวิลด์" ซึ่ง
เป็นบริษัทระดับโลก ที่มีธุรกิจเรือนเดินสมุทรถึง 1,700 ลำ และบริหารท่าเรือในหลาย 10 ประเทศ ซึ่งบริษัทดังกล่าวแสดงความสนใจที่
อยากมาลงทุนในประเทศไทย โดยจะเดินทางมาประเทศไทยภายในเดือนนี้
          - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มั่นใจว่า การลงทุนตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังมั่นเติบโตจากครึ่งปีแรก จาก
การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ น่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น 
และหนุนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่มองว่าประเด็นการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนไม่ได้มีผลต่อดัชนี เนื่องจาก
ปัจจุบันปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แม้ขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลดลง แต่เริ่ม
เห็น Sentiment ของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น
          - หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แนวโน้มการดำเนินนโยบายของธนาคาร
กลางสหรัฐฯ จะยังคงดอกเบี้ยสูงไปอีกระยะ (Higher for Longer) หลังจาก IMF ประเมินสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในทะเล
แดง ทำให้สายการเดินเรือใหญ่ปรับเส้นทางขนส่งซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าระวางเรือ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดจะยังทรงตัวใน
ระดับสูงกระทบอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงช้ากว่าคาด แม้ว่าตลาดแรงงานส่งสัญญาณชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณฟื้นตัว แต่ยังคง
อ่อนแอ รัฐบาลจีนประกาศมาตรการรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นตลาดหุ้นทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนและฮ่องกงเริ่มฟื้นตัว
          - ความเสี่ยงด้านการเมืองในประเทศไทยยังคงทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนในพันธบัตรของไทย แม้
ว่านักลงทุนกลุ่มนี้ได้เริ่มกลับเข้าสู่ตลาดในเดือนพ.ค.เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนก็ตาม
          - หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นอาจไม่สามารถ
บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของ BOJ ในปีหน้า หากการบริโภคยังคงซบเซา พร้อมเน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำหนดเวลา
ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก