สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 68)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.69 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าอยู่ที่ระดับ 33.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.61 - 32.84 บาท/ดอลลาร์ และวันนี้มีเงินทุนระหว่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรราว 1.1 หมื่นล้านบาท "บาทเคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลกที่มีความผันผวนตลอดทั้งวัน และมี Flow ไหลเข้ามาในปริมาณที่สูง พอสมควร" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.60 - 32.90 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ตลาดรอดูผลประชุม FOMC ซึ่งคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจ ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ และทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 143.27 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 143.17 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1359 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1332 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,220.27 จุด เพิ่มขึ้น 32.41 จุด (+2.73%) มูลค่าซื้อขายราว 53,984.70 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,546.34 ล้านบาท - นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พูดคุยกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงมาตรการป้องกันการสวมสิทธิ์ สินค้าไทย โดยได้แก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายของไทย โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงช่องโหว่ทาง กฎหมาย ที่เอื้อต่อการสวมสิทธิ์ในการประกอบธุรกิจในลักษณะที่เป็นนอมินี พร้อมเข้มงวดการตรวจสอบมาตรฐานสินค้า รวมถึงคุณภาพต่าง ๆ - วิจัยกรุงศรี ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้นของประเทศสำคัญของโลก รวมถึงไทย จากนโยบายภาษีของ สหรัฐอเมริกา โดยในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น มีความเสี่ยงขาลงที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลด ดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดยขนาดการปรับลด อาจขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการเจรจาการค้า - Krungthai COMPASS ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจพิจารณาปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม สู่ระดับ 1.50% ภายในปี 2568 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบรุนแรงจากนโยบายการค้า สหรัฐฯ โดยมองว่าช่วงเวลาของการตัดสินนโยบายครั้งต่อไป กนง. จะพิจารณาจากพัฒนาการของการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หลังพ้น กรอบระยะเวลายกเว้นการเก็บภาษี 90 วัน และพัฒนาการของเศรษฐกิจไทย เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดจาก policy space ที่มีจำกัด - ที่ประชุม กกร. ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ราว 2.0-2.2% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 2.4-2.9% ขณะที่ยอดส่งออกจะขยายตัวเพียง 0.3-0.9% จากประมาณการเดิมที่ 1.5-2.5% เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการภาษี ศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ - บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำสัปดาห์นี้ อยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากราคาทอง พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอน แม้สัญญาณบางด้านจะ ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะบรรยากาศการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะดีขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกยังเผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น GDP สหรัฐฯ ที่หดตัวในไตรมาสแรก, เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษี ซึ่งปัจจัยดังกล่าว หนุนให้ทองคำยัง คงอยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าลงทุนต่อเนื่อง - ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลด RRR ลง 0.50% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในปีนี้ และจะทำให้มีสภาพคล่องไหลเข้าสู่ ระบบการเงินของจีนประมาณ 1 ล้านล้านหยวน (1.389 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสภาพ คล่องในระบบและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ท่ามกลางสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างจีนและสหรัฐฯ - นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เวียดนามจะยังคงบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า ระดับ 8% ในปีนี้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย รวมถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ - รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (7 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ และจีนเตรียมจัดการเจรจาระดับสูงในช่วงสุดสัปดาห์ นี้ที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อคลายความตึงเครียดทางการค้า