ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.69 ตลาดจับตาผลประชุมเฟด-ถ้อยแถลง "พาวเวล"

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.69 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ
เช้าอยู่ที่ระดับ 33.70 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.61 -
 32.84 บาท/ดอลลาร์ และวันนี้มีเงินทุนระหว่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรราว 1.1 หมื่นล้านบาท
          "บาทเคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลกที่มีความผันผวนตลอดทั้งวัน และมี Flow ไหลเข้ามาในปริมาณที่สูง
พอสมควร" นักบริหารเงิน กล่าว
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.60 - 32.90 บาท/ดอลลาร์
          โดยคืนนี้ตลาดรอดูผลประชุม FOMC ซึ่งคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ 
เกี่ยวกับการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจ ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ และทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 143.27 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 143.17 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1359 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1332 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,220.27 จุด เพิ่มขึ้น 32.41 จุด (+2.73%) มูลค่าซื้อขายราว 53,984.70 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,546.34 ล้านบาท
          - นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พูดคุยกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงมาตรการป้องกันการสวมสิทธิ์
สินค้าไทย โดยได้แก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายของไทย โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงช่องโหว่ทาง
กฎหมาย ที่เอื้อต่อการสวมสิทธิ์ในการประกอบธุรกิจในลักษณะที่เป็นนอมินี พร้อมเข้มงวดการตรวจสอบมาตรฐานสินค้า รวมถึงคุณภาพต่าง ๆ
          - วิจัยกรุงศรี ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้นของประเทศสำคัญของโลก รวมถึงไทย จากนโยบายภาษีของ
สหรัฐอเมริกา โดยในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น มีความเสี่ยงขาลงที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลด
ดอกเบี้ยต่อเนื่อง โดยขนาดการปรับลด อาจขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการเจรจาการค้า
          - Krungthai COMPASS ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจพิจารณาปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม สู่ระดับ 1.50% ภายในปี 2568 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบรุนแรงจากนโยบายการค้า
สหรัฐฯ โดยมองว่าช่วงเวลาของการตัดสินนโยบายครั้งต่อไป กนง. จะพิจารณาจากพัฒนาการของการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หลังพ้น
กรอบระยะเวลายกเว้นการเก็บภาษี 90 วัน และพัฒนาการของเศรษฐกิจไทย เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดจาก policy space ที่มีจำกัด
          - ที่ประชุม กกร. ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ราว 2.0-2.2% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 
2.4-2.9% ขณะที่ยอดส่งออกจะขยายตัวเพียง 0.3-0.9% จากประมาณการเดิมที่ 1.5-2.5% เนื่องจากผลกระทบจากมาตรการภาษี
ศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ
          - บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำสัปดาห์นี้ อยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากราคาทอง
พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอน แม้สัญญาณบางด้านจะ
ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะบรรยากาศการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะดีขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกยังเผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น 
GDP สหรัฐฯ ที่หดตัวในไตรมาสแรก, เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษี ซึ่งปัจจัยดังกล่าว หนุนให้ทองคำยัง
คงอยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าลงทุนต่อเนื่อง
          - ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลด RRR ลง 0.50% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในปีนี้ และจะทำให้มีสภาพคล่องไหลเข้าสู่
ระบบการเงินของจีนประมาณ 1 ล้านล้านหยวน (1.389 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสภาพ
คล่องในระบบและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ท่ามกลางสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างจีนและสหรัฐฯ
          - นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เวียดนามจะยังคงบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า
ระดับ 8% ในปีนี้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย รวมถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
          - รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (7 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ และจีนเตรียมจัดการเจรจาระดับสูงในช่วงสุดสัปดาห์
นี้ที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อคลายความตึงเครียดทางการค้า