สมาพันธ์อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิส (FH) เปิดเผยในวันนี้ (27 พ.ค.) ว่า การส่งออกนาฬิกาสวิสพุ่งขึ้น 18.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แตะที่ 2.55 พันล้านฟรังก์สวิส โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง เนื่องจากผู้ผลิตและจำหน่ายนาฬิกาเร่งส่งออกสินค้าก่อนที่การขึ้นภาษีศุลากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้
FH เผยว่า การส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 33% ของตลาดนาฬิกาสวิส ทะยานขึ้นถึง 149.2% สู่ระดับ 851.9 ล้านฟรังก์สวิส สวนทางกับตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกที่ค่อนข้างซบเซา โดยหากไม่รวมสหรัฐฯ ยอดส่งออกนาฬิกาสวิสลดลง 6.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสาเหตุหลักมาจากความต้องการในจีนที่ซบเซาอย่างหนัก จากก่อนหน้านี้ที่สินค้าแบรนด์หรูเป็นที่นิยม แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้ผู้ซื้อชาวจีนต้องรัดเข็มขัด
นอกจากสหรัฐฯ แล้ว มีเพียงยอดส่งออกนาฬิกาไปสหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และฝรั่งเศสที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอัตราเลขหลักหน่วย ส่วนตลาดอื่น ๆ หดตัวลง โดยจีนและฮ่องกงร่วงลง 30.5% และ 22.8% ตามลำดับ ในขณะที่สิงคโปร์ร่วงลง 9.2%
ทั้งนี้ สวิตเซอร์แลนด์ถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ในอัตรา 31% เมื่อเดือนเม.ย. ก่อนที่ทรัมป์จะประกาศชะลอออกไป 90 วัน แต่ยังคงภาษีศุลกากรพื้นฐานไว้ที่ 10%
ขณะเดียวกันในวันนี้ สำนักงานศุลกากรสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าโดยรวมของสวิตเซอร์แลนด์ ลดลง 9.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน อยู่ที่ 25.2 พันล้านฟรังก์สวิส ขณะที่การนำเข้าลดลง 15.6% เหลือ 18.9 พันล้านฟรังก์สวิส ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าขยายตัวขึ้นทำสถิติที่ 6.3 พันล้านฟรังก์สวิสในเดือนเม.ย. จากระดับ 5.4 พันล้านฟรังก์สวิสในเดือนมี.ค.
การส่งออกไปอเมริกาเหนือลดลง 34.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า การส่งออกไปยุโรปลดลงเล็กน้อย 0.3% ในขณะที่การส่งออกไปเอเชียเพิ่มขึ้น 4.4% ในขณะเดียวกัน การนำเข้าจากอเมริกาเหนือลดลง 15.4% ส่วนการนำเข้าจากยุโรปและเอเชียลดลง 20.1% และ 2.6% ตามลำดับ