ผลสำรวจโดยเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ที่เปิดเผยในวันนี้ (4 มิ.ย.) บ่งชี้ว่า ภาพรวมธุรกิจภาคบริการของออสเตรเลียในเดือนพ.ค.ชะลอการขยายตัว โดยปัจจัยหลักมาจากยอดธุรกิจใหม่ที่เติบโตน้อยลง และคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ลดลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงตามไปด้วย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของออสเตรเลีย ลดลงมาอยู่ที่ 50.6 ในเดือนพ.ค. จากเดิมที่ 51.0 ในเดือนเม.ย. แม้ตัวเลขนี้จะยังเกินระดับ 50 มา 16 เดือนติดต่อกัน แต่ก็นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ยอดสั่งซื้อใหม่เติบโตในอัตราช้าที่สุดในรอบ 10 เดือน โดยสาเหตุมาจากทั้งการค้าโลกที่ซบเซา และช่วงการเลือกตั้งในประเทศ ทำให้การจ้างงานใหม่ก็ชะลอตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม การที่ยังคงมีการจ้างงานอยู่บ้างก็ช่วยให้ปริมาณงานที่ค้างอยู่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดส่งออกลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แล้ว เพราะลูกค้าจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สั่งของน้อยลง
ด้านต้นทุนการผลิตโดยเฉลี่ยสูงขึ้น ทั้งจากค่าพลังงานและค่าแรง แต่โดยรวมแล้วอัตราเงินเฟ้อด้านต้นทุนก็ผ่อนคลายลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ทำให้ผู้ให้บริการในออสเตรเลียเริ่มชะลอการขึ้นราคาสินค้าและบริการ โดยรายงานระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของราคาขายสินค้าและบริการแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563
ความเชื่อมั่นของบริษัทต่าง ๆ ในภาคบริการเองก็ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เพราะกังวลกับภาพรวมธุรกิจในวันข้างหน้า
สำหรับดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-บริการขั้นสุดท้ายของออสเตรเลีย อยู่ที่ 50.5 ในเดือนพ.ค. ลดลงจาก 51.0 ในเดือนเม.ย. แต่ก็ยังสูงกว่าระดับ 50 มาเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
การเติบโตของผลผลิตโดยรวมในปีนี้ถือว่าแผ่วที่สุด โดยมีเพียงภาคบริการเท่านั้นที่ยังพอขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้ ส่วนยอดธุรกิจใหม่โดยรวมก็เติบโตเพียงเล็กน้อย แม้ว่าคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นก็ตาม ขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมยังทรงตัว หลังจากที่เคยแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเดือนเม.ย.
อัตราเงินเฟ้อฝั่งราคาขายสินค้าและบริการก็ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเช่นกัน อันเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก
