ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 37.95 จุด หลังแรงซื้อชะลอตัว

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (30 มิ.ย.) เนื่องจากแรงซื้อจางหายไปหลังได้แรงหนุนก่อนหน้านี้จากการผ่อนคลายความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และความกังวลเรื่องภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีหุ้นขนาดกลางของสหราชอาณาจักรทำสถิติเพิ่มขึ้นรายไตรมาสสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 8,760.96 จุด ลดลง 37.95 จุด หรือ -0.43%

ในเดือนมิ.ย. ดัชนี FTSE 100 ลดลง 0.1% ขณะที่ดัชนี FTSE 250 ปรับตัวขึ้น 2.8%

แต่ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน ส่วนดัชนี FTSE 250 ที่เน้นหุ้นขนาดกลางเพิ่มขึ้นมากกว่า 11% ในไตรมาสล่าสุด

หุ้นขนาดกลางที่เน้นธุรกิจภายในประเทศได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าน้อยกว่า เนื่องจากมีการพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศในระดับต่ำ สหราชอาณาจักรยังคงเป็นประเทศเดียวที่มีข้อตกลงการค้ากับสหรัฐอเมริกา

ในปี 2568 ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 7% ซึ่งมากกว่าการปรับตัวขึ้นรายปีที่เคยบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2564

หุ้นกลุ่มอากาศยานและการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 1.2% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ที่เพิ่มขึ้น 1.4% หลังจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-สหราชอาณาจักรมีผลบังคับใช้ ซึ่งยกเลิกภาษีนำเข้า 10% สำหรับเครื่องยนต์และชิ้นส่วนเครื่องบิน

นักลงทุนยังคงจับตาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ก่อนถึงเส้นตายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดไว้ในวันที่ 9 ก.ค.ในการเก็บภาษีนำเข้า

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเติบโตในอัตราเร็วที่สุดในรอบ 1 ปีในไตรมาสแรกของปี 2568 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

ในบรรดาหุ้นรายตัว หุ้นดับเบิลยูเอช สมิธ (WH Smith) ร่วงลง 3.4% หลังบริษัทระบุว่าจะได้รับเงินสดน้อยกว่าที่คาดไว้จากการขายธุรกิจค้าปลีกบนถนนหลักในสหราชอาณาจักรให้กับบริษัทโมเดลลา แคปิทัล (Modella Capital) เจ้าของแบรนด์ฮ็อบบี้คราฟต์

หุ้นบริษัทยายักษ์ใหญ่ จีเอสเค (GSK) ลดลง 1.1% หลังจากวุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ รายหนึ่งประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าเธอกำลังเริ่มการสอบสวนกรณีที่บริษัทหยุดจำหน่ายยาพ่นสำหรับโรคหืดในเด็กซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลาย

หุ้นบริษัทเซ็นทริกา (Centrica) ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจก๊าซ ลดลง 1.2% หลังจากธนาคารเจพี มอร์แกน ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว