ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 10.64 จุด นลท.ขายหุ้นหลังวิตกสถานะการคลังอังกฤษ

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (2 ก.ค.) อันเนื่องมาจากแรงเทขายสินทรัพย์ของสหราชอาณาจักรในวงกว้าง ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับฐานะการคลังของประเทศ หลังจาก ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังแสดงถึงความกดดันที่ได้รับในรัฐสภา ภายหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งเกี่ยวกับนโยบายสวัสดิการที่มีต้นทุนสูง

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ระดับ 8,774.69 จุด ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.12%

ความกังวลเรื่องความมั่นคงของนโยบายการคลังปะทุขึ้น หลังรีฟส์แสดงความเครียดอย่างชัดเจนในรัฐสภา และรัฐบาลต้องถอนจากมาตรการสำคัญในร่างกฎหมายสวัสดิการ ที่เดิมทีจะช่วยลดภาระงบประมาณในอนาคต

โฆษกของนายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ พยายามยุติข่าวลือเรื่องการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคลัง โดยกล่าวว่า รัฐมนตรีคลังจะไม่ไปไหน และยังคงได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากนายกรัฐมนตรี

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ของรีฟส์ โฆษกกระทรวงการคลังระบุว่า เป็นเรื่องส่วนตัวที่ทำให้เธอรู้สึกสะเทือนใจ

ราคาพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษร่วงลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2565 และค่าเงินปอนด์อ่อนลงกว่า 1%

นักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณของภาวะตึงตัวทางการคลัง ซึ่งสหราชอาณาจักรเคยเผชิญมาแล้วในอดีต

หุ้นกลุ่มสินค้าครัวเรือนและก่อสร้างที่อยู่อาศัยร่วงลง 5.9% โดยหุ้นเบลล์เวย์ (Bellway) ร่วง 8% และหุ้นเทย์เลอร์ วิมพีย์ (Taylor Wimpey) ร่วง 4%

ในทางตรงกันข้าม หุ้นกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นตามราคาสินแร่ โดยหุ้นเฟอร์เร็กซ์โป (Ferrexpo) พุ่ง 3.6%, หุ้นแอนโทฟากัสตา (Antofagasta) พุ่ง 4.2% และหุ้นเกล็นคอร์ (Glencore) พุ่ง 5.1% โดยได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น 2% โดยบริษัทขนาดใหญ่อย่าง บีพี (BP) และ เชลล์ (Shell) พุ่งขึ้น 3.2% และ 1.7% ตามลำดับ