ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.53 ระหว่างวันผันผวน ก่อนกลับมาทรงตัวจากช่วงเช้า เจรจาภาษียังไม่แน่นอนสูง

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.53 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจาก
ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.53 บาท/ดอลลาร์
          ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.44-32.58 บาท/ดอลลาร์ ทิศทางของค่าเงินในช่วงนี้ยังมีความผันผวน ไร้ทิศ
ทางชัดเจน เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องการเจรจาภาษีสินค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ แม้ล่าสุด สหรัฐฯ จะแจ้งอัตราภาษีที่เรียกเก็บ
จากสินค้านำเข้าของไทยที่ 36% ก็ตาม แต่ก็เปิดช่องให้มีการเจรจาเพิ่มเติม โดยขยายเวลาการเริ่มปรับขึ้นภาษีไปเป็น 1 ส.ค.
          "ตอนนี้ภาษียังมีความไม่แน่นอน การเจรจายังมีความไม่แน่นอน ทำให้เงินบาทในระยะนี้ คงผันผวนไปก่อน ไม่มีทิศทางที่
ชัดเจน" นักบริหารเงินระบุ
          สำหรับคืนนี้ ฝั่งสหรัฐฯ ยังไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ 
          นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.45 - 32.65 บาท/ดอลลาร์ 

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 146.22 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 146.15 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1730 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,115.65 จุด ลดลง 7.35 จุด (-0.65%) มูลค่าซื้อขาย 29,535.64 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 153.65 ล้านบาท
          - ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ระบุว่า การที่สหรัฐฯ ประกาศคงอัตราเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยที่ 
36% จะกระทบต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงทั้งในแง่ของภาคการส่งออก, SME ในประเทศ และการลงทุนโดยตรง พร้อมประเมินว่าปีนี้ 
เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 1.5-2% โดยต้องรอดูผลเจรจาในท้ายสุดว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษีในอัตราใด ก่อนที่จะสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผัน
ในวันที่ 1 ส.ค.นี้
          - สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงรุนแรงจากภาษีสหรัฐฯ จากกรณีปรับ
ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 36% ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบเวียดนาม ที่ถูกเก็บภาษีเพียง 20% โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม
เทคโนโลยี และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการ GDP ปี 2568 ลงต่ำกว่า 1.8% ที่เคยคาด
          - หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ระบุว่า กรณีสหรัฐฯ ส่งจดหมายแจ้งไทยว่าจะโดน
ภาษี 36% กับสินค้าทุกชนิดภายใน 1 ส.ค.นี้ การเจรจาแบบ win-win น่าจะเป็นไปได้ยากในกรณีนี้ อาจจะต้องหาทาง give and 
take และพิจารณาถึงผลกระทบในแต่ละทางเลือกอย่างรอบด้าน และหาทางชดเชยผลกระทบ 
          - ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในเบื้องต้นอาจส่งผลกระทบต่อ
ภาคการส่งออกไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าหลัก เช่น อาหารแปรรูป สินค้าเกษตร ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้
ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ อัญมณี เหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งคาดว่ามูลค่าความเสียหายต่อการส่งออกไทยอาจอยู่ที่ประมาณ 8-9 แสน
ล้านบาท
          - รมช.คลัง ระบุว่า การดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย
ในอัตรา 36% นั้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้กันวงเงินไว้สำหรับดูแลผู้ประกอบการส่วนหนึ่งคือ งบกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่ง
จะช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโครงสร้างภาษีใหม่ และยังมีเงินจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลืออีก 4 หมื่นล้านบาทไว้
รองรับกรณีหากเกิดปัญหา เพื่อนำมาแก้ปัญหาให้ตรงจุด ทั้งภาคเอกชนและประชาชน ส่วนการจะใช้หรือไม่ใช้อย่างไรก็ต้องรอดูผลของการ
พิจารณาภาษีเสร็จสิ้นก่อนว่าสุดท้ายแล้วไทยจะถูกเก็บภาษีเท่าใด
          - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) มองว่า ทองคำยังมีโอกาสขึ้นไป
แตะ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหากสถานการณ์ความกังวลต่าง ๆ ยังไม่คลี่คลายก็มีโอกาสที่จะไปได้ถึง 3,650 ดอลลาร์สห
รัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศนั้น มีโอกาสขึ้นไปแตะ 53,800 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านถัดไปที่ 56,200 บาทต่อ
บาททองคำ (โดยคาดการณ์ที่ค่าเงินบาทระดับ 32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
          - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ตามที่
กระทรวงการคลังเสนอ หลังมีการปรับ ครม.ใหม่ และมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคสังคม ที่ต้องให้เวลาในการทำความเข้าใจกับสังคม
          - หัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าของญี่ปุ่น กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าใด ๆ กับสหรัฐฯ จะต้องรวมถึงการลดหย่อนภาษีสำหรับ
อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าจากญี่ปุ่นใน
อัตรา 25% โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป
         - ทางการจีน ออกโรงเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ให้จุดชนวนความตึงเครียดทางการค้าให้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเรียกเก็บภาษี
สินค้านำเข้าจากจีนในเดือนหน้า ขณะเดียวกัน ก็เตือนว่าจะตอบโต้ประเทศใดก็ตามที่ทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทาน
          - รมว.คลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขาจะพบกับคู่เจรจาจากจีนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อเดินหน้าหารือเรื่องการค้าและ
ประเด็นอื่น ๆ หลังจากทั้ง 2 ชาติ ตกลงสงบศึกสงครามการค้าในการเจรจาที่นครเจนีวา และกรุงลอนดอน
          - กระทรวงอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ ได้แสดงความตั้งใจในการปรับแก้กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อตอบรับข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ 
ที่ต้องการให้ลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึงเกาหลีใต้พร้อมกำหนดเส้นตายใหม่ 1 
ส.ค. เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกาหลีใต้ที่อัตรา 25%
          - ธนาคารกลางเวียดนาม ประกาศจะเดินหน้านโยบายการเงินที่ยืดหยุ่นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เพื่อผลักดันการเติบโต
ทางเศรษฐกิจของประเทศให้บรรลุเป้าหมายที่อย่างน้อย 8% ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก