ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 200 จุด หลังสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสหภาพยุโรป (EU) อย่างน้อย 15%
ณ เวลา 23.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,272.91 จุด ลบ 211.58 จุด หรือ 0.48%
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเซียลไทม์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์กำลังเรียกร้องให้มีการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรขั้นต่ำในอัตรา 15%-20% ในการทำข้อตกลงการค้ากับ EU
ขณะนี้ EU กำลังพยายามเร่งบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 30%
นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวยืนยันว่า เขาไม่มีแผนที่จะปลดนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ บริษัทราว 50 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2568 แล้ว โดยบริษัท 88% จากจำนวนดังกล่าวมีตัวเลขกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 61.8 ในเดือนก.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 61.4 จากระดับ 60.7 ในเดือนมิ.ย.
ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 5.0%
นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.6% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 4.0%