ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.38 อ่อนค่าตามภูมิภาค สัปดาห์หน้าจับตามติประชุมดอกเบี้ย FOMC-BOJ-ตามความคืบหน้าภาษีสหรัฐ

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้ ปิดตลาดที่ระดับ 32.38 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง
เช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.26 บาท/ดอลลาร์
          ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.21-32.40 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทอ่อนค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค เนื่องจาก
การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับยังมีการปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารของไทย-กัมพูช บริเวณแนวชายแดน 
          สำหรับคืนนี้ยังไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ 
          โดยสัปดาห์หน้า ตลาดรอติดตามผลการเจรจาภาษีสหรัฐฯ ว่าจะมีประเทศใดบ้างที่บรรลุข้อตกลง และได้ภาษีในอัตราใด รวม
ถึงการดีลเจรจาของไทยด้วยเช่นกัน ประกอบกับ สัปดาห์จะมีการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลาง
สหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)    
          นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20 - 32.45 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.81 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 146.58 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1730 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1752 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,217.15 จุด เพิ่มขึ้น 4.66 จุด (+0.38%) มูลค่าซื้อขาย 36,910.98 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 271.82 ล้านบาท
          - รมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการเจรจาภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ ว่า ขณะนี้ไทยได้ยื่นข้อเสนอให้กับทางสหรัฐฯ ไป
แล้ว 99.99% ส่งไปให้ทุกอย่างแล้ว ขณะนี้สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างเข้มข้น โดยมั่นใจว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 1 ส.ค.68 
อย่างแน่นอน
          - ปลัดคลัง คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/68 จะยังขยายตัวได้ดี โดยได้รับแรงส่งจากไตรมาส 1/68 ที่ GDP 
ขยายตัวถึง 3.1% อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากแนวโน้มการส่งออกที่เติบโตได้ดี จากการเร่งส่งออกก่อนสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันปรับขึ้นภาษีนำ
เข้าสินค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ไตรมาส 3/68 เศรษฐกิจไทยอาจจะได้รับความเสี่ยงความไม่สงบในชายแดนไทย-กัมพูชาบ้าง แต่เชื่อว่า
สถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อ
          - รมว.สหรัฐฯ เปิดเผยว่า คณะผู้แทนของสหรัฐฯ จะเน้นย้ำกับทางการจีน ถึงความสำคัญที่จีนควรหยุดการซื้อน้ำมันจา
กรัสเซียและอิหร่านในระหว่างการเจรจาการค้าร่วมกับเจ้าหน้าที่จีน ที่ประเทศสวีเดนในสัปดาห์หน้า เพราะหากจีนหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
และอิหร่าน เพียง 3 หรือ 6 เดือน ก็อาจทำให้เครื่องจักรสงครามของรัสเซียชะงักลง และช่วยให้การเจรจากับอิหร่านเป็นไปได้ง่ายขึ้น
          - กระทรวงการคลังอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของอินโดนีเซีย มีแนวโน้มจะขยายตัวมากกว่า 5% ในช่วงครึ่งหลัง
ของปีนี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นในปี 2569
          - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สหรัฐฯ ยังคงกดดันให้เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลด
อัตราดอกเบี้ย ในระหว่างการเยือนสำนักงานใหญ่ของเฟด ในกรุงวอชิงตัน โดยระบุว่า ขณะนี้สหรัฐฯ มีดอกเบี้ยสูงที่สุดในโลก ประชาชน
แทบจะซื้อบ้านไม่ได้ เพราะอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป
          - ความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวสหราชอาณาจักร (UK) ยังคงซบเซาในเดือนก.ค. ท่ามกลางความกังวลเรื่องการขึ้นภาษี และ
ภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้ดัชนีการออมพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 18 ปี สะท้อนว่าภาคครัวเรือน กำลังเตรียมพร้อมรับมือกับสภาวะ
เศรษฐกิจที่ยากลำบากในวันข้างหน้า