สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ส.ค. 68)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.37 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.30 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 32.31-32.40 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดรอดูการรายงาน ดัชนี ภาคบริการเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ก่อน ซึ่งหากออกมาแย่ก็มีโอกาสที่ดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าต่อ และเงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้นได้อีก "วันนี้บาทแกว่งแคบ ๆ แค่ 9 สตางค์ ตลาดรอตัวเลขของสหรัฐคืนนี้ คือดัชนีภาคบริการของ ISM หลังจากภาคการผลิตออก มาแย่มาก ซึ่งถ้าภาคบริการยังออกมาแย่กว่า ดอลลาร์ก็คงจะอ่อนค่าต่อ และเงินบาทก็จะแข็งค่า" นักบริหารเงินระบุ ส่วนวันพรุ่งนี้ ปัจจัยในประเทศ ต้องรอดูการรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือน ก.ค.68 จากกระทรวงพาณิชย์ นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้ เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25- 32.50 บาท/ดอลลาร์ * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.57 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 146.97 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.154 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.156 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,246.96 จุด เพิ่มขึ้น 17.56 จุด (+1.43%) มูลค่าซื้อขาย 53,040.81 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,054.05 ล้านบาท - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 วงเงิน 18,500 ล้านบาท โดยส่วน แรกเป็นโครงการในส่วนของกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และส่วนที่ 2 เป็นของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่จะไปเพิ่มในเรื่องผู้กู้รายใหม่ และดูแลผู้กู้รายเก่า - ม.หอการค้าไทย ประเมินว่าผลกระทบจากนโยบายปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยในปี 69 อาจมีความ รุนแรงมากขึ้นได้ หากมาตรการภาษีที่เข้มงวดไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น หรือมีการเพิ่มความเข้มงวดกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ โดยกลุ่ม BRICS ซึ่งอาจกระทบต่อ GDP ปีหน้าของไทยให้ลดลงได้อีก 1.48% หรือคิดเป็นมูลค่า 2.75 แสนล้านบาท - สหภาพยุโรป (EU) ประกาศระงับแผนการขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 6 เดือน จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ในวัน ที่ 7 ส.ค.นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาจัดทำแถลงการณ์ร่วมด้านการค้า หลังจากผู้นำทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค. - ธนาคารกลางเวียดนาม ได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง เพื่อปูทางไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย เงินกู้ พร้อมระบุว่า ธนาคารต่าง ๆ จำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นในการลดต้นทุน และปรับขั้นตอนการดำเนินงานให้เรียบ ง่าย เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น - เงินเยนแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายวันนี้ ที่ตลาดโตเกียว หลังจากมี การเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประจำเดือนมิ.ย. ซึ่งหนุนการคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อน สิ้นปี - อินโดนีเซีย เปิดเผยเศรษฐกิจไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 5.12% สูงสุดในรอบ 2 ปี โดยเร่งตัวขึ้นจากไตรมาส 1 ที่ เติบโต 4.87% ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากการขยายตัวของภาคการผลิต ที่ได้อานิสงส์จากอุปสงค์สินค้าส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม และโลหะพื้นฐาน ประกอบกับความต้องการยาและเวชภัณฑ์ในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการเร่งสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า ก่อนที่มาตรการภาษีสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ - สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 (AMRO) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโต 5.2% ในปี 2568 ชะลอตัว ลงจากระดับ 6% ในปี 2567 อันเนื่องมาจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และกิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา แม้ ภาคบริการจะยังคงแข็งแกร่งก็ตาม - คืนนี้ สหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้ จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ค. และ ดัชนีภาคบริการเดือนก.ค. ขณะที่คืนวันพฤหัส จะมีการรายงานจำนวนผู้ขอ รับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์