สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 68)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.36 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.28 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.26-32.37 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางสกุลเงินอื่นในภูมิภาค ขณะที่ระหว่างวันยังไม่มีปัจจัยใหม่ ประกอบกับใกล้ช่วงวันหยุดยาว 4 วัน "วันนี้เงินบาทแกว่งแคบ อ่อนค่าตามภูมิภาค ยังไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ คืนนี้" นักบริหารเงิน ระบุ ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าฝั่งสหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ส่วนฝั่งไทย ตลาดจับ ตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งรอบนี้ ในวงการตลาดเงินมีความเห็นเป็น 2 ทาง ว่ามีโอกาสทั้งลดดอกเบี้ย และคงดอกเบี้ย นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25 - 32.45 บาท/ดอลลาร์ * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.67 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 147.24 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.164 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.166 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,259.07 จุด ลดลง 6.08 จุด (-0.48%) มูลค่าซื้อขาย 51,232.32 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 114.04 ล้านบาท - สัปดาห์หน้า จับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะมีมติปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ ปัจจุบันที่ 1.75% หรือไม่ - เจพีมอร์แกน คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมนโยบายเดือน ก.ย. หลังจากพบสัญญาณความอ่อนแอในตลาดแรงงาน และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอชื่อกรรมการ เฟดคนใหม่ - กระทรวงการคลังจีน ประกาศกลับมาจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากดอกเบี้ยพันธบัตรที่ออกใหม่โดยรัฐบาล และสถาบัน การเงิน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันศุกร์นี้ (8 ส.ค.) เป็นต้นไป เพื่อยุติมาตรการยกเว้นภาษีที่ใช้มาอย่างยาวนาน และช่วยลดแรงกดดันด้านการคลัง ของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น - ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยุติท่าทีแบบ "รอดูสถานการณ์" (wait- and-see) ได้ภายในสิ้นปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถรับมือกับแรงกดดันจากมาตรการขึ้นภาษีได้ดีกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งจะช่วยลดผล กระทบต่อการเติบโตของญี่ปุ่น - สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) ประกาศว่า ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อยื่นขอใบอนุญาตออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ในฮ่องกง โดยเป็นการดำเนินการ หลังจากกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ ของฮ่องกงมีผลบังคับใช้เพียงไม่กี่วัน - ความไม่แน่นอนทางการค้าโลก ที่ทวีความรุนแรงจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัม ป์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยนักลงทุนต่างชาติได้เทขายหุ้นอินเดียไปแล้วเป็นมูลค่า 900 ล้านดอลลาร์ ในช่วง ต้นเดือนส.ค. ต่อเนื่องจากเดือนก.ค. ซึ่งมีเงินไหลออกสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ - สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ เรทติ้งส์ เตือนว่า การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจากอินเดีย อาจทำให้ อินเดียเผชิญกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวอาจกระทบความพยายามของอินเดียในการดึงดูดการลง ทุนจากต่างประเทศ - สัปดาห์หน้า สหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค., จำนวนผู้ขอ รับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.