ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.46 แข็งค่าเล็กน้อยจากช่วงเช้า ตลาดรอปัจจัยใหม่

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.46 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่า
เล็กน้อยจากเปิดตลาดเมื่อเช้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 32.48 บาท/ดอลลาร์
          โดยระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.42 - 32.51 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม 
สำหรับการรายงานตัวเลข GDP ของไทยไตรมาส 2 และแนวโน้มปี 68 จากสภาพัฒน์เมื่อช่วงเช้านั้น มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงิน
บาทไม่มากนัก โดยวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรราว 1 พันล้านบาท
          "ระหว่างวันบาทแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ เนื่องจากตลาดรอปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ส่วนตัวเลข GDP ไตรมาส 2/68 ที่
สภาพัฒน์ประกาศออกมาเมื่อเช้า ส่งผลต่อค่าเงินบาทเล็กน้อย"  นักบริหารเงิน กล่าว
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.35 - 32.55 บาท/ดอลลาร์ 

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.39 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 147.45 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1700 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,242.31 จุด ลดลง 17.11 จุด (-1.36%) มูลค่าซื้อขาย 39,299.17 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 648.64 ล้านบาท
          - สภาพัฒน์ รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 2/68 ขยายตัว 2.8% พร้อมกันนี้ยังประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตร
มาส 3/68 ยังจะสามารถขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง เพียงแต่อาจโตได้ต่ำกว่าช่วง 2 ไตรมาสแรก พร้อมปรับประมาณการอัตราการขยายตัว
ของเศรษฐกิจ (GDP) ไทย ในปี 2568 เป็น 1.8-2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 2.0%) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่เคยประมาณการไว้เดิมเมื่อเดือน พ.
ค.68 ที่ 1.3-2.3% (ค่ากลางอยู่ที่ 1.8%) โดยมองว่า การลงทุนภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน และการบริโภคภาคเอกชน จะเป็นตัวขับ
เคลื่อนที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ 
          - รมว.คลัง ระบุ กรณีมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ไปกว่าเดิม แต่เมื่อมีปัญหา
มาตรการภาษีสหรัฐฯ เข้ามา ทำให้เศรษฐกิจของทุกประเทศชะลอตัวลงเหมือนกันหมด ดังนั้น ไทยอาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อเริ่มปรับปรุงโครง
สร้างเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าหากไทยสามารถปรับโครงสร้างเศรษฐกิจได้ ก็มีโอกาสที่ GDP จะโตได้มากกว่า 2%
          - ก.ล.ต. ร่วมกับ กระทรวงการคลัง, สำนักงาน ปปง. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิด
ตัว "TouristDigiPay" โครงการทดสอบ (Sandbox) ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาท และนำไปใช้จ่ายผ่าน e-
money เพิ่มทางเลือกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัลมาสนับสนุนเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ของประเทศ
         - ธนาคารกลางจีน (PBOC) ส่งสัญญาณจะไม่ดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบเชิงรุก เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย 
แม้ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
          - รมต.ต่างประเทศเยอรมนี เรียกร้องให้เพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเพิ่มเติม เพื่อกดดันให้
รัสเซียยอมสร้างสันติภาพอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
          - ธนาคารพาณิชย์ของจีน ได้ทำการโอนเงินไปยังต่างประเทศในนามลูกค้า เพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์เป็นจำนวนสูงถึง 
5.83 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดจีนรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 2553 ทั้งนี้ 
เนื่องจากนักลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้รุกเข้าซื้อสินทรัพย์ในตลาดฮ่องกงจำนวนมาก หลังจากมีการออกมาตรการเปิดเสรีตลาดชุดใหม่