ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันพุธ (5 พ.ย.) สัญญาถั่วเหลืองทะยานขึ้น ขานรับรายงานข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนได้ออกมายืนยันการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงพักรบทางการค้าระหว่างสองประเทศ
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.75 เซนต์ หรือ +0.87% ปิดที่ 4.3525 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.50 เซนต์ หรือ +0.82% ปิดที่ 5.5475 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 12.75 เซนต์ หรือ +1.14% ปิดที่ 11.3425 ดอลลาร์/บุชเชล
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยืนยันว่าจะระงับการเก็บภาษีตอบโต้สินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บรรลุข้อตกลงในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกลับมาให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญาของจีนที่จะสั่งซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในปริมาณหลายสิบล้านตัน ซึ่งรวมถึง 12 ล้านตันในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.
อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นในวงจำกัด เนื่องจากตลาดยังไม่เห็นคำสั่งซื้อล็อตใหญ่จากจีนอย่างเป็นรูปธรรมนับตั้งแต่มีข้อตกลงดังกล่าว อีกทั้งการนำเข้าถั่วเหลืองของสหรัฐฯ จะยังคงต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่ระดับ 13% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากทิศทางขาลงของตลาดการเงินในภาพรวม
คาร์ล เซตเซอร์ หุ้นส่วนของบริษัท Consus Ag Consulting กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด ประกอบกับมีแรงซื้อทางเทคนิคเข้ามาช่วยหนุน นอกจากนี้ สัญญาถั่วเหลืองยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการฟื้นตัวของราคากากถั่วเหลืองด้วย
สำหรับสัญญาข้าวโพดได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานตัวเลขการผลิตเอทานอลรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สัญญาข้าวสาลียังคงได้รับแรงหนุนจากกระแสข่าวที่ว่าจีนมีความสนใจสั่งซื้อข้าวสาลีจากสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ตลาดกำลังจับตาสถานการณ์การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์ ซึ่งส่งผลให้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ต้องระงับการรายงานข้อมูลยอดขายส่งออกล็อตใหญ่รายวัน (Flash Export Sales) ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนที่จะยืนยันยอดคำสั่งซื้อจากจีน