ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าร่วงลงในวันนี้ (18 พ.ย.) ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันจันทร์ (17 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนลดความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ทั้งยังกังวลเรื่องสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับญี่ปุ่น
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,997.20 จุด ลดลง 387.08 จุด หรือ -1.47%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนรอดูรายงานผลประกอบการรายไตรมาสจากบริษัทค้าปลีกและบริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia รวมทั้งจับตาตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนยังคงมีท่าทีลังเลในการสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 41% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งลดลงจากระดับกว่า 60% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นยังคงตึงเครียด โดยจีนได้เตือนพลเมืองให้งดเดินทางไปญี่ปุ่น รวมถึงประกาศว่านายกรัฐมนตรีจีนไม่มีแผนที่จะพบปะกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่แอฟริกาใต้ในสัปดาห์นี้ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นออกประกาศเตือนพลเมืองของตนในประเทศจีนให้ยกระดับความระมัดระวังด้านความปลอดภัย
ทั้งนี้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เป็นผู้จุดชนวนความขัดแย้งทางการทูตครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปีระหว่างสองมหาอำนาจแห่งเอเชียตะวันออก ด้วยการกล่าวต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า หากจีนใช้กำลังทหารกับไต้หวัน จะถือเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของญี่ปุ่น และอาจนำไปสู่การตอบโต้ทางทหาร