ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.24 แกว่งแคบทิศทางอ่อนค่าสวนทางภูมิภาค ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.24 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าเล็ก
น้อยจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.22 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ตลาดยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่เข้ามา เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่อง
ในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า
          "บาทขยับอ่อนค่าจากเปิดตลาดเล็กน้อย ระหว่างวันแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ แค่ 5 สตางค์ และเคลื่อนไหวสวนทางกับค่าเงิน
ภูมิภาคที่แข็งค่า วันนี้ปิดตลาดที่ระดับอ่อนค่าสุดของวัน" นักบริหารเงิน กล่าว
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.15- 2.30 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 156.35 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 156.08 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1570 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1600 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,252.71 จุด ลดลง 8.47 จุด (-0.67%) มูลค่าซื้อขาย 23,180.98 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 868.45 ล้านบาท
          - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคม 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออก
สินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 และการขยายตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและจำนวนนักท่อง
เที่ยวต่างประเทศยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่
ของภาคใต้ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
          - บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ประเมินราคาทองคำอยู่โหมดรอทิศทาง แนะนำกลยุทธ์ "รอย่อซื้อ" เคาะบริเวณ
แนวรับ $4,075 / $4,045 (ทองไทยราว 62,400–62,000 บาท) เตรียมเกาะติดเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และความเสี่ยงภูมิรัฐ
ศาสตร์ ตัวแปรสำคัญที่เตรียมพลิกเกมความผันผวน
          - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองกลับมาเป็นทิศ
ทางขาขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากหลายปัจจัยประกอบด้วยตลาดคาดการณ์ว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะ
ลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% จาก 50% ภายในหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่คาด 
ตลาดจึงคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มจะกลับไปใช้นโยบายผ่อนคลายมากขึ้น
          - เจพีมอร์แกน (J.P. Morgan) ปรับคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.
ค.นี้ หลังจากที่เคยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงเดือนม.ค.ปีหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่สำคัญของเฟดให้สัมภาษณ์
เชิงบ่งชี้ว่าการลดดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าคาด ทำให้ตลาดตีความว่าเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น
          - โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า เนื่องจากไม่มีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ ก่อนการประชุมเฟดวันที่ 9-10 
ธ.ค.นี้ ดังนั้นรายงานการจ้างงานเดือนก.ย. จึงเป็นตัวชี้สำคัญที่สะท้อนว่า เฟดน่าจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในครั้งนี้