ภาวะการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT ในวันอังคาร (2 ธ.ค.) สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% สวนทางกับราคาถั่วเหลืองที่ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 5.00 เซนต์ หรือ +1.12% ปิดที่ 4.5000 ดอลลาร์/บุชเชล, สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้น 6.00 เซนต์ หรือ +1.12% ปิดที่ 5.4100 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.25 เซนต์ หรือ -0.29% ปิดที่ 11.2475 ดอลลาร์/บุชเชล
แรงซื้อที่กลับเข้ามาในตลาดข้าวโพดและข้าวสาลีเกิดจากความกังวลระลอกใหม่ต่อสถานการณ์ในทะเลดำ ซึ่งเป็นเส้นทางส่งออกธัญพืชสายหลัก หลังจากยูเครนใช้โดรนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซีย 2 ลำเมื่อสัปดาห์ก่อน และล่าสุดมีเหตุโจมตีเรือขนส่งน้ำมันดอกทานตะวันของรัสเซียซ้ำอีกเมื่อวันอังคาร แม้ยูเครนจะปฏิเสธความเกี่ยวข้อง แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็ได้ออกมาขู่ว่าจะตัดเส้นทางออกสู่ทะเลของยูเครนเพื่อตอบโต้
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นต่อสถานการณ์นี้ว่า "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เคยพุ่งสูงเมื่อรัสเซียบุกยูเครนครั้งแรกเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน เพราะตลาดกังวลว่าการส่งออกจากภูมิภาคหลักแห่งนี้จะชะงักงัน และตอนนี้เราเสี่ยงจะเผชิญสถานการณ์นั้นอีกครั้ง"
นอกจากปัจจัยสงคราม สภาพอากาศในสหรัฐฯ ก็เป็นตัวเร่งราคาเช่นกัน โดยอากาศที่หนาวจัดและหิมะตกหนักทางตอนเหนือส่งผลให้การขนส่งธัญพืชในแถบมิดเวสต์ที่เป็นแหล่งปลูกข้าวโพดหลักของสหรัฐฯ (Corn Belt) ชะลอตัว ดันให้ราคาในตลาดสินค้าจริง (Cash market) ปรับตัวสูงขึ้น
นักวิเคราะห์อีกรายอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า "ในแหล่งเพาะปลูกตอนนี้ ถ้าจะรับซื้อธัญพืชจากชาวไร่ จะเห็นว่าราคาเบสิส (Basis – ส่วนต่างระหว่างราคาในตลาดสินค้าจริงกับราคาสัญญาฟิวเจอร์ส) ปรับสูงขึ้น ประกอบกับกองทุนถือสถานะขายชอร์ต (short) อยู่ จึงน่าจะมีการซื้อคืนเพื่อปิดสถานะบ้าง (short-covering) ในช่วงที่ตลาดสินค้าจริงแข็งแกร่งขึ้น อากาศหนาวทำให้การขนส่งช้าลง จะเรียกว่าเป็นราคาบวกเพิ่มจากค่าขนส่งก็ได้"
ในทางตรงกันข้าม ราคาสัญญาถั่วเหลืองกลับปรับตัวลง โดยมีแรงกดดันสำคัญจากสภาพอากาศในอเมริกาใต้ที่เอื้ออำนวย ทำให้คาดการณ์ว่าบราซิลจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ประกอบกับความไม่แน่นอนด้านอุปสงค์จากจีน ซึ่งล่าสุดกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ รายงานว่าไม่มีการรายงานยอดขายด่วน (flash sale) ล็อตใหม่เข้ามาเพิ่มเติมในวันอังคาร
นักวิเคราะห์อีกรายมองแนวโน้มราคานี้ว่า "เทรดเดอร์สัญญาถั่วเหลืองฝั่งขาขึ้นต้องรอยอดส่งออกไปยังจีนเพิ่มเติม ถึงจะช่วยดันราคาให้หลุดจากกรอบการซื้อขายของเดือนพ.ย.ขึ้นไปได้"