Challenger, Gray & Christmas ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการจ้างงาน เปิดเผยว่า การประกาศเลิกจ้างพนักงานของภาคเอกชนในสหรัฐพุ่งทะลุ 1 ล้านตำแหน่งนับตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างของบริษัทเอกชน, การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมทั้งการใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ
Challenger เปิดเผยว่า ภาคเอกชนประกาศเลิกจ้างพนักงาน 71,321 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน แม้ลดลงจากจำนวน 153,074 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดของเดือนตุลาคมในรอบ 22 ปี แต่ส่งผลให้ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี 2568 พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.17 ล้านตำแหน่ง โดยสูงกว่าช่วง 11 เดือนแรกของปีที่แล้วถึง 54% และเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ Verizon ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจสื่อสารของสหรัฐ ประกาศปลดพนักงานมากกว่า 13,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการผลักดันจากนวัตกรรม AI ประกาศลดพนักงาน 12,377 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว ส่งผลให้ยอดรวมการปลดพนักงานตั้งแต่ต้นปี 2568 ของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน ขณะที่การปลดพนักงานโดยอ้างสาเหตุจาก AI มีจำนวนมากถึง 54,694 ตำแหน่งในปีนี้
นอกจากนี้ ภาษีศุลกากรถูกระบุว่าเป็นสาเหตุของการปลดพนักงานกว่า 2,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน และเกือบ 8,000 ตำแหน่งตั้งแต่ต้นปี ส่วนสาเหตุที่ถูกอ้างมากที่สุดสำหรับเดือนพฤศจิกายนคือการปรับโครงสร้างบริษัท ตามด้วยการปิดกิจการ และสภาวะตลาด หรือเศรษฐกิจ
'แผนการเลิกจ้างพนักงานมีจำนวนลดลงในเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณในเชิงบวก อย่างไรก็ดี ตัวเลขการเลิกจ้างมากกว่า 70,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนเคยเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งเท่านั้นนับตั้งแต่ปี 2551 คือในปี 2551 และปี 2565' แอนดี ชาลเลนเจอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสถานที่ทำงานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของ Challenger, Gray & Christmas กล่าว
นอกจากนี้ แนวโน้มการจ้างงานในปีนี้ก็ซบเซาเช่นกัน โดยรายงานของ Challenger ระบุว่า นายจ้างประกาศการจ้างงาน 497,151 ตำแหน่ง ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปี 2567