📌*ขุนคลังสหรัฐยันมีไพ่หลายใบในมือ แม้ศาลฎีกามีมติคว่ำภาษี "ทรัมป์"

นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงสามารถเดินหน้าจัดเก็บภาษีศุลกากรได้ ไม่ว่าผลการพิจารณาของศาลฎีกาจะออกมาอย่างไรก็ตาม

ทั้งนี้ ศาลฎีกาสหรัฐกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีที่ว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ในการบังคับใช้กฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

นายเบสเซนต์กล่าวว่า รัฐบาลสามารถใช้อำนาจในหลายมาตราตามกฎหมายการค้าปี 1962 ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีอย่างกว้างขวางในการจัดการประเด็นภาษีนำเข้า

'เราสามารถสร้างโครงสร้างภาษีศุลกากรแบบเดิมด้วยมาตรา 301, 232 และ 122' นายเบสเซนต์กล่าวบนเวทีในงาน New York Times DealBook Summit เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.)

ต่อคำถามที่ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการเหล่านั้นอย่างถาวรหรือไม่ นายเบสเซนต์ตอบว่า 'ถาวร'

แม้มาตรา 122 ให้อำนาจในการจัดเก็บภาษีได้เพียง 150 วัน แต่มาตรา 301 และ 232 ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่แน่ชัด

นอกจากนี้ นายเบสเซนต์ยังอ้างถึงกฎหมาย IEEPA ซึ่งมอบอำนาจด้านภาษีอย่างกว้างขวางแก่ประธานาธิบดีสหรัฐ แม้ว่าการใช้กฎหมายนี้จะเป็นประเด็นที่ศาลฎีกากำลังตรวจสอบอยู่ก็ตาม

นายเบสเซนต์ยังได้กล่าวถึงความสำเร็จของรัฐบาลสหรัฐในการใช้มาตรการภาษีศุลกากร

'เพราะการบังคับใช้ภาษีที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิล ทำให้จีนเริ่มใช้ความพยายามอย่างจริงจังในการหยุดยั้งการลักลอบนำเข้ายาเสพติดชนิดนี้เข้าสู่สหรัฐ'

นายเบสเซนต์กล่าวว่า เขายังคงเชื่อว่าสหรัฐมีโอกาสสูงที่จะชนะคดีในชั้นศาลฎีกา

ส่วนในประเด็นอื่นนั้น นายเบสเซนต์หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับผู้ที่ปธน.ทรัมป์จะเลือกมาเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนต่อไป และกล่าวถึงอำนาจจำกัดของประธานเฟดในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย

'สิ่งสำคัญคือ เฟดเป็นคณะกรรมการ และยังมีผู้ลงคะแนนเสียงจากธนาคารกลางในภูมิภาคอื่น ๆ ประธานเฟดมีอำนาจในการเริ่มประเด็นและชี้นำการอภิปราย แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาหรือเธอมีคะแนนเสียงเพียงหนึ่งเสียงเท่านั้น'

ก่อนหน้านี้ นายเบสเซนต์กล่าวว่า เขาคิดว่าปธน.ทรัมป์อาจตัดสินใจเลือกประธานเฟดคนใหม่ก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส แต่ล่าสุด ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาอาจตัดสินใจประเด็นดังกล่าวในช่วงต้นปี 2569