ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.21 แข็งค่าจากช่วงเช้าแต่อ่อนค่ากว่าภูมิภาค ตลาดจับตาตัวเลข CPI สหรัฐฯคืนนี้

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.21 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิด
ตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.46 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก ระหว่างวันบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 
33.14 - 33.46 บาท/ดดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตร 6.6 พันล้านบาท
          คืนนี้ตลาดรอดูการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม..ย.68 ของสหรัฐฯ โดยคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่
ที่ 2.4% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ 2.8%
          "วันนี้บาทผันผวนตามราคาทองในตลาดโลก แต่ถึงจะปรับตัวแข็งค่าลงมาก็ยังอ่อนค่ากว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค เนื่องจากเพิ่ง
เปิดทำการวันนี้หลังหยุดยาว" นักบริหารเงิน กล่าว
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.30-33.55 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ
          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.90 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 148.07 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1112 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1102 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,214.39 จุด เพิ่มขึ้น 3.45 จุด (+0.28%) มูลค่าซื้อขาย 50,869.98 ล้านบาท 
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,442.21 ล้านบาท
          - นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่มีการยุบสภาตามที่มีข่าวลือถึงความขัดแย้งภายในรัฐบาล พร้อมย้ำรัฐบาลมีเสถียรภาพ พรรครัฐบาล
ยังมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกันดี
          - นายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลได้ยื่นข้อเสนอ (Proposal) เพื่อเจรจาต่อรองมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ไปตั้งแต่
สัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างนี้รอการนัดหมายเจรจาจากทางการสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการทั้งระดับรัฐมนตรี และ
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว
          - รมว.ท่องเที่ยว เผยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-11 พ.ค.68 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมทั้งสิ้น 12,948,032 คน 
สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 613,168 ล้านบาท
          - ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวในพิธีเปิดการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 4 ของเวทีความร่วมมือจีน-ประชาคมแห่ง
รัฐลาตินอเมริกาและแคริบเบียน (China-CELAC Forum) ว่า ไม่มีใครได้ประโยชน์จากสงครามภาษีและสงครามการค้า ส่วนการระราน
และการใช้อิทธิพลกดดันผู้อื่น มีแต่จะทำให้ตัวเองโดดเดี่ยวในที่สุด
          - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมคณะผู้บริหารธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ เริ่มภารกิจเยือนภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียเป็นเวลา 4 
วัน โดยมุ่งเน้นไปที่การเจรจาข้อตกลงเศรษฐกิจมากกว่าประเด็นด้านความมั่นคงในภูมิภาค
          - สถาบันการเงินใหญ่หลายแห่งปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปีนี้ขึ้นจากเดิม
หลังจีนกับสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลง ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองประเทศ
          - ทำเนียบขาวเผยแพร่คำสั่งฝ่ายบริหารว่า สหรัฐฯ เตรียมลดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจากจีนที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์
สหรัฐต่อคนต่อวัน หรือ "de minimis" ซึ่งเป็นสัญญาณบวกล่าสุดในการผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้าทวิภาคี
          - โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ปรับลดคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยลงสู่
ระดับ 35% จากเดิมที่มองว่ามีโอกาส 45% ถือเป็นโบรกเกอร์รายใหญ่รายแรกที่เคลื่อนไหวดังกล่าว หลังจากที่การลดภาษีศุลกากรชั่วคราว
ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนช่วยจุดประกายความหวังว่าสงครามการค้าได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว