(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ขาดปัจจัยใหม่ จับตาครม.เคาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้

นักวิเคราะห์ ฯ ระบุแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ ภาพรวมยังขาดปัจจัยใหม่มีผลต่อดัชนี สำหรับปัจจัยต่างประเทศหลังมูดี้ส์ประกาศลดเครดิตรัฐบาลสหรัฐ ตลาดสหรัฐยืนได้แดนบวกอ่อน ๆ ระยะสั้นอาจลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับ sentiment โลกได้ ขณะที่ในประเทศ การประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวานนี้มีมติเลื่อนโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ออกไปและจะกระตุ้นการลงทุนภาคอื่น ๆ ซึ่งต้องติดตามรายละเอียดต่อไป โดยคาดว่าจะมีการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ทั้งนี้ให้กรอบแนวรับ 1,180 จุด และแนวต้าน 1,200 จุด

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดวันนี้ตลาดน่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้บวกอ่อน ๆ ขณะที่ภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ขับเคลื่อนดัชนี สำหรับปัจจัยต่างประเทศเมื่อวานนี้นักลงทุนจับตาการตอบสนองของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังมูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐยืนแดนบวกได้อ่อน ๆ ประเด็นดังกล่าวในระยะสั้นอาจลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับ Sentiment โลกได้

ขณะที่ปัจจัยในประเทศระยะนี้ ยังไม่ได้เห็นแรงขับเคลื่อนใหม่ ซึ่งการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวานนี้มีมติเลื่อนโครงการแจกเงินดิจิทัล เฟส 3 และ 4 ออกไป และจะกระตุ้นโครงการที่เกี่ยวกับการลงทุนอื่น ๆ ซึ่งยังต้องติดตามรายละเอียดต่อไป โดยจะยังไม่ได้มีผลต่อตลาดหุ้น

แนะวันนี้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจจากเม็ดเงิน งบ

ประมาณ 1.57 แสนล้านบาท รวมทั้งการพิจารณาร่างงบประมาณปี 69

โดยให้กรอบแนวรับ 1,180 จุด และแนวต้าน 1,200 จุด


*ประเด็นพิจารณาการลงทุน


- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,792.07 จุด เพิ่มขึ้น 137.33 จุด หรือ +0.32%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,963.60 จุด เพิ่มขึ้น 5.22 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,215.46 จุด เพิ่มขึ้น 4.36 จุด หรือ +0.02%

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,723.60 จุด เพิ่มขึ้น 224.97 จุด หรือ +0.60% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 23,398.35 จุด เพิ่มขึ้น 65.63 จุด หรือ +0.28% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,371.69 จุด เพิ่มขึ้น 4.11 จุด หรือ +0.12%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 พ.ค.) 1,187.06 จุด ลดลง 8.71 จุด(-0.73%) มูลค่าการซื้อขาย 36,743.01 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (19 พ.ค.) 191.06 ล้านบาท

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. (19 พ.ค.) เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 62.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 พ.ค.) 6.97 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.19 แนวโน้มแกว่ง sideways ในกรอบ 33.00-33.30 รอปัจจัยใหม่

- บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ชะลอแจกเงินหมื่น เฟส 3-4 โยกงบ 1.57 แสนล้าน ทำโครงการ 6 ประเภท เน้นบริหารจัดการน้ำขนาดเล็ก ดูแลจ้างงาน ช่วยเหลือผู้ส่งออก เอสเอ็มอี หวังกระตุ้นจีดีพีได้ 0.7-1.0% "สภาพัฒน์" หั่นประมาณจีดีพีทั้งปี 1.8% รับผลกระทบภาษีทรัมป์ กรณีแย่สุดเจรจาสหรัฐไม่สำเร็จจีดีพีเหลือ 1.3% ชี้เร่งลงทุนภาครัฐเป็นเครื่องยนต์ดันเศรษฐกิจปีนี้

- "บอร์ดบีโอไอ" เห็นชอบ 4 มาตรการยกเครื่องอุตสาหกรรมไทยสู่ยุคดิจิทัล ยกเว้นภาษี 100% นาน 5 ปี ให้ SME ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต พร้อมยกเลิกส่งเสริมกิจการโซลาร์เซลล์-แบตเตอรี่ เร่งสนับสนุนลงทุนโครงการดาต้าเซ็นเตอร์และพลังงานหมุนเวียน 7 โครงการ กว่าแสนล้านบาท โบรกฯ เปิดลายแทงหุ้นได้เสียรับมาตรการใหม่

- 'สภาพัฒน์' หั่นเป้าจีดีพีปี 68 จากประมาณการเดิม 2.8% เหลือขยายตัว 1.8% รับความผันผวนเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจากนโยบายภาษีทรัมป์ แม้ไตรมาสแรกยังขยายตัวได้กว่า 3.1%

- ส.อ.ท. เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.68 อยู่ที่ระดับ 89.9 ปรับตัวลดลง จาก 91.8 ในเดือนมี.ค.68 ซึ่งเป็นผลจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวจากวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้จำนวนวันทำงานลดลง รวมถึงมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐที่ส่งผลกระทบกับการส่งออก รวมถึงสินค้านำเข้าจากจีนและปัญหาการสวมสิทธิที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น


*หุ้นเด่นวันนี้

- SCGP (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18.00 บาท ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 ดีกว่าคาด ขณะที่ในช่วงไตรมาส 2/68 คาดยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง จากการเร่งส่งออกมากยิ่งขึ้น ก่อนการใช้มาตรการภาษีของทรัมป์ Fajar ดีขึ้น จากต้นทุนที่ลดลง โดยคาด EBITDA จะถึงจุดคุ้มทุนในไตรมาส 2/68 นี้

- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus ที่ 314.43 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 - ครึ่งหลังปี 68 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่องหนุนจากทั้งฝั่งรายได้ที่คาดว่ายังเติบโตแข็งแรง ขณะที่ต้นทุนไม่มีแรงกดันเพิ่มเติมหลังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เหมือนช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึงภาพการแข่งขันที่เบาลง ส่วนการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ เราคาดว่าจะไม่แพงเท่าในอดีต ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ระยะยาวลดลงและเป็นบวกต่อกำไรสุทธิ ประมาณการกำไรปี 2568 ของ Consensus ล่าสุดถูกปรับขึ้นเป็น 3-5% สู่ระดับ 4-4.1 หมื่นล้านบาท +16%y-y

- GFPT (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 13.40 บาท หลังจากรายงานกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.6% YoY และ 65% QoQ โดยผลประกองบการสูงกว่าคาดไป 12% ในขณะเดียวกันคาดว่า GFPT จะได้ประโยชน์หลังจากที่จีน ยุโรป ญี่ปุ่น สั่งห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากบราซิลหลังจากมีการระบาดไข้หวัดนก โดยที่ GFPT มีสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่น 21% จีน 14% และ ดียู 12% ในขณะเดียวกัน ต้นทุนอาหารสัตว์ยังคงลดลง โดยที่ราคากากถั่วเหลืองเฉลี่ยในเดือน เม.ย.อยู่ที่ 16.3 บาท/กก. ลดลง 2.9% จากค่าเฉลี่ยไตรมาส 1/68 หนุนแนวโน้มการขยายตัวของอัตรากำไรในเชิง QoQ อย่างต่อเนื่อง