ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาข้าวในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ในระยะนี้ ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่ยกเลิกการจองตั๋วเดินทางมายังญี่ปุ่น เกิดจากมังงะชื่อดัง "The Future I Saw" ที่ทำนายว่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นในวันที่ 5 ก.ค.2025
ผู้ที่เชื่อตามคำทำนายดังกล่าวพากันซื้อข้าวกักตุนไว้เพื่อให้มีอาหารเพียงพอหากเกิดแผ่นดินไหวจริง ขณะที่นักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวัน ต่างตื่นตระหนก และพากันยกเลิกการจองตั๋วและที่พักในญี่ปุ่น
ทั้งนี้ มังงะ "The Future I Saw" เป็นผลงานแนวกึ่งอัตชีวประวัติของ เรียว ทัตสึกิ ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงปี 1990 โดยอ้างว่าเธอมีความสามารถในการฝันล่วงหน้า ซึ่งเนื้อหาในหนังสือบันทึกคำทำนายไว้มากกว่าร้อยรายการ โดยเธอระบุว่าบางคำทำนายเกิดขึ้นจริงแล้ว เช่น แผ่นดินไหวโกเบในปี 1995 รวมทั้งการทำนายเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิที่โทโฮคุในเดือนมี.ค.2011 ได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ ทัตสึกิระบุว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งต่อไปอาจเกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.ค.2025 ซึ่งสร้างความแตกตี่นในโซเชียลมีเดีย และทำให้เกิดความวิตกในหมู่ประชาชน โดยทัตสึกิบรรยายถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ว่าเกี่ยวข้องกับการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเล ซึ่งทำให้ทะเลบริเวณตอนใต้ของญี่ปุ่นเกิดการเดือด และตามมาด้วยการเกิดอภิมหาคลื่นยักษ์สึนามิ
แม้ว่ามังงะดังกล่าวไม่ได้ระบุจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอย่างชัดเจน แต่จากการตีความของผู้อ่านและในโลกออนไลน์ ทำให้เชื่อว่าจะเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อกรุงโตเกียวและเมืองใหญ่ในญี่ปุ่น
รายงานของกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่นระบุว่า ราคาข้าวเฉลี่ยที่จำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ที่ระดับ 4,285 เยน (ราว 29.97 ดอลลาร์) หรือราว 980 บาท ต่อ 5 กิโลกรัม ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 พ.ค.
ราคาข้าวดังกล่าวเพิ่มขึ้น 17 เยนจากสัปดาห์ก่อนหน้า และนับเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลเมื่อเดือนมี.ค.2565 แม้ว่าราคาข้าวเคยปรับลดลงชั่วคราวในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. แต่ก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
รัฐบาลได้ทำการระบายข้าวในคลังสำรองออกสู่ตลาดผ่านการประมูลตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถกดดันราคาข้าวให้ปรับตัวลง
อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจโดยสำนักข่าวเกียวโดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ชาวญี่ปุ่นเกือบ 60% เชื่อว่าราคาข้าวจะลดลง หลังจากที่นายชินจิโร โคอิซูมิ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีเกษตรคนใหม่ แทนนายทากุ เอโตะ ซึ่งลาออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ หลังสร้างความไม่พอใจต่อชาวญี่ปุ่นด้วยการกล่าวว่า เขาไม่เคยซื้อข้าวเลย เนื่องจากมีผู้ให้การสนับสนุนส่งมาอย่างเพียงพอ ซึ่งคำกล่าวของเขาเกิดขึ้นในช่วงที่ราคาข้าวพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
นายทิม ฮาร์คอร์ต หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งซิดนีย์ (UTS) กล่าวว่า ราคาข้าวที่พุ่งสูงในญี่ปุ่นเกิดจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่ การที่ชาวญี่ปุ่นพากันซื้อข้าวเพื่อกักตุนด้วยความตื่นตระหนก หลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือนก.ค., การขาดแคลนข้าวสาลีจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้ประชาชนหันมาบริโภคข้าวแทน รวมทั้งการที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และอุตสาหกรรมบริการด้านอาหารที่คึกคัก ส่งผลให้ความต้องการข้าวเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ อากาศที่ร้อนจัดในช่วงฤดูร้อนปี 2566 ได้ทำให้ผลผลิตข้าวเสียหาย และผลผลิตทางการเกษตรกรลดลง
ปัจจุบัน ร้านอาหารและชาวญี่ปุ่นบางส่วนเริ่มหันไปใช้ข้าวนำเข้าที่มีราคาถูกกว่าข้าวในประเทศ ซึ่งหากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ก็อาจส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้