นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในเดือนก.ย. และจะปรับลดเพียง 2 ครั้งในปีนี้ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 มิ.ย.
นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์แสดงความไม่พอใจอีกครั้งหนึ่งต่อนายพาวเวล และเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่อ่อนแอในวันนี้
"ตัวเลข ADP ออกมาแล้ว!!! นายพาวเวล ซึ่งมักทำอะไรสายเกินไปเสมอ จะต้องลดดอกเบี้ยเดี๋ยวนี้ เขาทำตัวเหลือเชื่อมาก! ขณะที่ยุโรปลดดอกเบี้ยไปแล้วถึง 9 ครั้ง!" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบน Truth Social
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 37,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2566 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 110,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 60,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ภาคการผลิตสินค้ามีการจ้างงานลดลง 2,000 ตำแหน่ง โดยภาคทรัพยากรธรรมชาติและการทำเหมืองลดลง 5,000 ตำแหน่ง และภาคการผลิตลดลง 3,000 ตำแหน่ง ส่วนภาคก่อสร้างมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 6,000 ตำแหน่ง
ส่วนในภาคบริการ กลุ่มสันทนาการและการบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 38,000 ตำแหน่ง และกลุ่มการเงินเพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ดี กลุ่มวิชาชีพและบริการทางธุรกิจจ้างงานลดลง 17,000 ตำแหน่ง กลุ่มการศึกษาและบริการด้านสุขภาพจ้างงานลดลง 13,000 ตำแหน่ง ส่วนกลุ่มการค้า ขนส่ง และสาธารณูปโภค จ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ADP เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างเพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนเม.ย.