ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าจากแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (27 มิ.ย.) โดยนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะยุติการเจรจาการค้ากับแคนาดา และเขาอาจพิจารณาทิ้งระเบิดอิหร่านอีกครั้ง

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.26% แตะที่ระดับ 97.402

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น โดยอยู่ที่ 144.70 เยนในวันศุกร์ (27 มิ.ย.) เพิ่มขึ้นจาก 144.20 เยนในวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.), ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ 0.7998 ฟรังก์ จาก 0.7991 ฟรังก์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาอยู่ที่ 1.3715 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3627 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 1.1700 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1721 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 1.3697 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3749 ดอลลาร์

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ข้อตกลงการค้าหลายฉบับที่รัฐบาลทรัมป์ดำเนินการร่วมกับประเทศต่าง ๆ อาจเสร็จสิ้นได้ภายในวันแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ก.ย.

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง หลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะยุติการเจรจาการค้ากับแคนาดาทันที เพื่อตอบโต้กรณีที่แคนาดาเก็บภาษีบริการดิจิทัลจากบริษัทเทคโนโลยี

ทรัมป์ยังวิจารณ์อย่างรุนแรงต่ออยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน พร้อมยกเลิกแผนที่จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน และกล่าวว่าเขาอาจพิจารณาทิ้งระเบิดอิหร่านอีกครั้ง หากอิหร่านเดินหน้าเสริมสมรรถนะยูเรเนียมถึงระดับที่น่ากังวล

ในช่วงแรกค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามปีครึ่งเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง และอาจเร็วกว่าที่เคยคาดไว้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังอ่อนแอลง

รายงานเมื่อวันศุกร์ระบุว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนพ.ค. หลังจากแรงกระตุ้นจากการซื้อสินค้าล่วงหน้า เช่น รถยนต์ ก่อนที่ภาษีจะมีผล ได้จางหายไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อรายเดือนยังคงเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง

ขณะเดียวกัน รายงานการจ้างงานประจำสัปดาห์เมื่อวันพฤหัสบดีบ่งชี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 ขณะที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกก็สะท้อนให้เห็นถึงการปรับลดการใช้จ่ายของผู้บริโภคลงอย่างมาก