ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ (2 ก.ค.) จากแรงกดดันและความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้เปรยถึงแนวคิดที่จะปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นเพิ่มเติม
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 39,762.48 จุด ลดลง 223.85 จุด หรือ -0.56%
หุ้นลบนำตลาดได้แก่ กลุ่มเครื่องจักร, กลุ่มโลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก และกลุ่มเครื่องมือชั่งตวงวัด
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากความหวั่นเกรงว่าผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ อาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ หลังจากที่ทรัมป์ได้เสนอแนวคิดเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) ที่จะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น โดยคาดการณ์ไว้ว่าจะสูงถึง 30% หรือ 35% ภายใต้นโยบายที่เรียกว่า "มาตรการภาษีตอบโต้" (reciprocal tariffs) ซึ่งปัจจุบันญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับการเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 14% ทำให้มีอัตราภาษีรวมอยู่ที่ 24%
มาซาฮิโระ อิชิคาวะ หัวหน้านักวางกลยุทธ์ตลาดของบริษัทซูมิโตโม มิตซุย ดีเอส แอสเซต แมเนจเมนต์ กล่าวว่า "หากอัตราภาษีศุลกากรถูกปรับขึ้นไปถึงระดับ 30% ก็จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทั้งบริษัทญี่ปุ่นและสภาพเศรษฐกิจโดยรวม"
บรรดาโบรกเกอร์ระบุว่า ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การเจรจาเรื่องภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นอาจยืดเยื้อออกไป หลังจากที่ทรัมป์ได้แสดงความกังขาต่อโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลง
ในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย ดัชนีนิกเกอิร่วงลงกว่า 500 จุด จากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่มีน้ำหนักต่อตลาดสูง แต่ลดช่วงลบในภายหลังจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่เชื่อมโยงกับการส่งออก ซึ่งได้รับอานิสงส์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง อันจะช่วยเพิ่มผลกำไรในต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินเยน