ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.84 อ่อนค่าต่อเนื่อง คาดกรอบต้นสัปดาห์หน้า 32.75-33.00

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.84 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าต่อ
เนื่องจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.74 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าหลังนักลงทุนกลับมาถือครองมากขึ้นหลังมีความ
ชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้า ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.73 - 32.84 บาท/ดอลลาร์
          "วันนี้บาทปิดตลาดที่ระดับอ่อนค่าสุดของวันและอ่อนค่าสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม" นัก
บริหารเงิน กล่าว
          นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 32.75 - 33.00 บาท/ดอลลาร์
          คืนนี้ตลาดรอดูการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม หลังสถานการณ์ทางการค้าเริ่มลงตัว

          * ปัจจัยสำคัญ
          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 150.54 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 150.68 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1395 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1423 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,218.33 จุด ลดลง 24.02 จุด (-1.93%) มูลค่าซื้อขาย 54,586.68 ล้านบาท 
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,921.19 ล้านบาท
          - รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ว่า หลังจากที่วันนี้ไทยได้รับแจ้งเรื่องภาษี 
Reciprocal Tariff ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากการนำเข้าสินค้าไทยที่อัตรา 19% แล้วนั้น ทีมไทยแลนด์ได้นำเสนอเรื่องนี้ให้ที่ประชุม 
ครม.ได้รับทราบ รวมถึงข้อเสนอต่าง ๆ ที่ไทยให้กับสหรัฐฯ โดยข้อเสนอทั้งหมดจะยังไม่มีผลผูกพันในทันที เป็นเพียงข้อตกลงในหลักการ
ใหญ่ ๆ ว่าไทยได้ตกลงเรื่องใดกับสหรัฐฯ ไว้บ้าง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องหารือกันเพื่อลงรายละเอียดในสัญญาแต่ละเรื่องในโอกาสต่อไป
          - ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยเป็นข่าวดีที่สหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจาก
หลายประเทศในอาเซียน โดยไทยสามารถเจรจาลดอัตราภาษีนำเข้าลงมาอยู่ที่ 19% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับประเทศกัมพูชา มาเลเซีย 
อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ถือเป็นอัตราที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยประเทศที่ถูกจัดเก็บภาษีสูงกว่า เช่น เมียนมาและ
ลาว 40% บรูไน 25% เวียดนาม 20% ส่วนสิงคโปร์อยู่ในกลุ่มอัตราต่ำสุดที่ 10%
          - รมว.พาณิชย์ ยังมั่นใจภาวะการส่งออกของไทยในปีนี้ยังมีอัตราการเติบโตได่ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 2-3% แม้ต้องเผชิญ
กับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในอัตรา 19%
          - ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 68 คาดส่งออกจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตดีขึ้นเล็กน้อยที่ 
1.5% จากเดิม 1.4% ท่ามกลางท่องเที่ยวโตต่ำกว่าคาด อัตราภาษี Reciprocal tariff ที่ดีขึ้น และแข่งขันได้ ท่ามกลางท่องเที่ยวโต
ต่ำกว่าคาด
          - Bloomberg Economics เปิดเผยว่า มาตรการเก็บภาษีนำเข้าใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอยู่ในช่วง
ระหว่าง 10% ถึง 41% และนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะส่งผลกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึง
กระตุ้นเงินเฟ้อ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก
          - รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยในวันนี้ (1 ส.ค.) ว่า กำลังประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังทำเนียบขาวประกาศ
ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสวิตเซอร์แลนด์ จาก 31% เป็น 39%
          - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ (1 ส.ค.) ว่า ทางการกำลังจับตาสถานการณ์ในตลาด
ปริวรรตเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด หลังจากเงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
          - นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 108,000 
ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
จากระดับ 4.1% ในเดือนมิ.ย.