(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าขึ้นต่อลุ้นแตะ 1,300 จุด เก็งเฟดลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า-บอนด์ยีลด์ดิ่ง

นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีปรับตัวขึ้น ลุ้นทดสอบ 1,300 จุด โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังตัวเลขเงินเฟ้อเป็นไปตามคาด ขณะเดียวกันบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีสหรัฐปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หนุนบรรยากาศการลงทุน ตลาด Emerging Market นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากดัชนี Nasdaq ทำระดับสูงสุดใหม่ ดีต่อหุ้น DELTA หนุนตลาดได้ต่อ โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด แนวต้านถัดไป 1,320 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ดัชนีลุ้นขึ้นทดสอบ 1,300 จุด เป็นแนวต้านจิตวิทยา โดยคาดว่าจะได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เป็นไปตามคาด รวมทั้งผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หนุนความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลงต่อเนื่องแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงและบรรยากาศการลงทุนตลาด Emerging Market

นอกจากนี้เมื่อคืนดัชนี Nasdaq ทำระดับสูงสุดใหม่ ส่งผลดีต่อ Sentiment หุ้น DELTA ด้วย ซึ่งเมื่อวานนี้หุ้น DELTA ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น น่าจะมีโอกาสที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อได้ในวันนี้ ด้านปัจจัยในประเทศตลาดยังคาดหวังรัฐบาลชุดใหม่ การแถลงนโยบาย รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังเป็น Sentiment เชิงบวกอยู่

โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด แนวต้านถัดไป 1,320 จุด


*ประเด็นพิจารณาการลงทุน


- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,108.00 จุด เพิ่มขึ้น 617.08 จุด หรือ +1.36%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,587.47 จุด เพิ่มขึ้น 55.43 จุด หรือ +0.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,043.07 จุด เพิ่มขึ้น 157.01 จุด หรือ +0.72%

- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดลบ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 44,803.30 จุด เพิ่มขึ้น 430.80 จุด หรือ +0.97%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,539.44 จุด เพิ่มขึ้น 453.12 จุด หรือ +1.74% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,875.51 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด หรือ +0.01%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ย.) 1,288.03 จุด เพิ่มขึ้น 9.98 จุด (+0.78%) มูลค่าซื้อขาย 46,753.07 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (11 ก.ย.) 1,495.19 ลบ.

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. (11 ก.ย.) ลดลง 1.3 ดอลลาร์ หรือ 2.04% ปิดที่ 62.37 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ย.) อยู่ที่ 3.75 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 31.71 กลับมาแข็งค่า แนวโน้มแกว่ง sideway ในกรอบ 31.60-31.90

- "สภาพัฒน์" ชี้เศรษฐกิจไทย ติดวงจรหนี้สูง แก้ยาก ฉุดจีดีพีโตต่ำภาวะหนี้สูงทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจ หนี้สาธารณะ ชี้หนี้ธุรกิจช่วง 10 ปี กระจุกตัวเฉพาะรายใหญ่กู้เกิน 500 ล้านบาท สัดส่วนถึง 90% ส่วนเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้ไม่ถึง 10% แนะรัฐบาลใหม่ระวังใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จำกัดเพดานหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 70% ตามคำแนะนำไอเอ็มเอฟ

- "ม.หอการค้าไทย" เชื่อ "คนละครึ่ง" กระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 68 ได้แรง-เร็ว ลุ้น "GDP" ปีนี้โตเกิน 2.5% แนะเพิ่มเฟส 2 ชี้ใช้เงิน 2.5 หมื่นล้านบาท สามารถสร้างเงินสะพัดในระบบได้ 7 หมื่น-1 แสนล้านบาท หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคหดหายไปประมาณ 2 ปีครึ่ง

- "ไอติม" เผย 3 พรรค "ส้ม-น้ำเงิน-แดง" เห็นพ้อง 3 ข้อสรุป เดินหน้าจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ในสัปดาห์หน้า ให้เสนอโมเดลร่าง เข้า กมธ. การพัฒนาการเมืองก่อน เชื่อเสร็จทันภายใน 4 เดือน ที่ตกลงใน MOA ปลาย ม.ค. 69 ยุบสภาฯ-เลือกตั้ง

- 'คลัง' ปลดล็อก 'บสย.' เดินเครื่องค้ำประกันสินเชื่อกลุ่ม Non-Bank กลุ่มลีสซิ่ง-นาโนไฟแนนซ์ ขยายโอกาสเอสเอ็มอีรายย่อย-อาชีพอิสระ เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น

- ประธาน ส.อ.ท. เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้ตั้งข้อสังเกตสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว และรุนแรง เนื่องจากสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความผิดปกติบางอย่างในเรื่องของการส่งออกทองคำ โดยเฉพาะการส่งออกไปกัมพูชา เดือน ม.ค.-ก.ค.68 ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชาเป็นอันดับ 2 รองจากสวิตเซอร์แลนด์ มูลค่ากว่า 2,149 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 68,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.3% คิดเป็นสัดส่วน 28.2% เทียบกับการส่งออกทองคำทั้งหมดถือเป็นอัตราที่สูงมาก ทั้งที่กัมพูชาเป็นประเทศเล็ก ๆ เป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องนำไปหารือกับรัฐบาลใหม่ต่อไป

- ม.หอการค้าไทย ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้า และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.68 เผยว่า ดัชนีทั้ง 2 รายการอยู่ในช่วงขาลง โดยมีค่าต่ำที่สุดในรอบ 33 เดือน และ 32 เดือน ตามลำดับ เพราะภาคธุรกิจกังวลเสถียรภาพการเมือง หลังจากนายกรัฐมนตรีถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งและปัญหาเศรษฐกิจฟื้นช้าสะท้อนจากระดับการลงทุนของภาคเอกชนในทุกจังหวัดที่ลดลง โดยเดือน ส.ค.68 อยู่ที่ระดับ 37.5 ขณะที่การจ้างงานอยู่ที่ระดับ 38.0 ซึ่งถือว่าต่ำมาก ดังนั้น รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องเข้ามาเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว

- ผู้ว่าททท.โพสต์เฟซบุ๊กว่า "คนละครึ่งมาแรงบาทยังแข็งต่อเนื่อง กระทบตรง inbound เห็นทีต้องมีทัวร์ไทยคนละครึ่ง บ.ทัวร์เตรียม package สุด wow ให้ชาวไทยได้เที่ยว"

- บอร์ด กสทช.อนุมัติโรดแมพทีวีดิจิทัล เร่งด่วนแบบทันตาเห็น หลังโดนสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอลกระทุ้งเพราะบรรจุวาระมาหลายครั้งแต่ไม่มีการพิจารณาเพื่อเตรียมการก่อนใบอนุญาตสัมปทานทีวีดิจิทัลหมดอายุต้นปี 72


*หุ้นเด่นวันนี้

- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 56 บาท คาดโมเมมตัมผลการดำเนินงาน 2H25 ยังคงแข็งแรงต่อเนื่องจากแนวโน้มสินเชื่อที่ยังเติบโตระดับ Double Digit ขณะที่ NIM คาดยังทรงตัวดีจาก Loan Yield ที่ดีขึ้น ด้านคุณภาพสินทรัยพ์ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีและควบคุมได้ เราคาดกำไรปี 2568-2569 ที่ 7.1 พันลบ. +21% y-y และ 8.3 พันลบ. +17%y-y ตามลำดับ คาดราคาหุ้นได้ Sentiment บวกจากโอกาสลดดอกเบี้ยของ FED ที่สูงขึ้น รวมถึงกนง.ที่อาจลดดอกเบี้ยปีนี้และปีหน้าสู่ระดับ 1%

- GPSC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.25 บาท มี sentiment บวกจากประเด็นการศึกษาปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่เพื่อลดค่าไฟฟ้าที่อาจจะปรับ single pool gas price เดิมที่เฉลี่ยถั่วน้ำหนักมาเป็นการคำนวณที่ใช้สัดส่วนของก๊าซฯ ในอ่าวไทยที่มีราคาต่ำมากขึ้น ส่งผลบวกต่อต้นทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ลดลง ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/68 ดีต่อเนื่องมีปัจจัยบวกจากผลการดำเนินงานของ AEPL ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและกำไรพิเศษจากการขายหุ้นออกไปบางส่วน (3.03%) รวมถึงการผลิตไฟฟ้า Hydro เป็น high season ชดเชยค่า Ft ในรอบ ก.ย.-ธ.ค.68 ที่ลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 4.6 พันล้านบาท +13%YoY และ 5.1 พันล้านบาท +11%YoY

- CKP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 3.70 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกกับ CKP จากแนวโน้ม ผลประกอบการไตรมาส 3/68 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ช่วง high season หนุนการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และ โรงไฟฟ้า XPCL ที่เพิ่มขึ้นหลังจากการปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 17 วันในไตรมาส 3/67 อีกทั้งแนวโน้มของค่าเงินบาทที่แข็งค่าในไตรมาส 3/68 จะหนุนให้ ลดลงทอน FX loss จาก financial debt ในสกุลเงิน US dollar