สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 68)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.43 บาท/ดอลาร์ แข็งค่าเล็กน้อย
จากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.46 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวตามทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.46
บาท/ดอลาร์ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่เข้ามา โดยตลาดรอดูตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในคืนวันพฤหัสฯ
"บาทแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ ทิศทางทรงตัวตามค่าเงินภูมิภาค ไม่ได้ตอบรับกรณีตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่ออกมาแย่กว่า
คาด" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ ไว้ที่ 32.35-32.50 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 154.56 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1601 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1609 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,280.07 จุด เพิ่มขึ้น 10.81 จุด (+0.85%) มูลค่าซื้อขาย 33,899.70 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,710.89 ล้านบาท
- สภาพัฒน์ คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวได้ 2.0% ส่วนในปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.7%
(กรอบ 1.2-2.2%) โดยมองว่า ในปีหน้าการลงทุนจากภาครัฐจะมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมแนะติดตาม
ปัจจัยเสี่ยง เช่น มาตรการภาษีสหรัฐ, การชะลอตัวของเศรษฐกิจ-การค้าโลก, หนี้ภาคเอกชนยังอยู่ระดับสูง, ความผันผวนของระบบ
เศรษฐกิจ-การเงินโลก, บรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมือง ช่วงก่อน-หลังเลือกตั้ง
- สภาพัฒน์ คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/68 อาจขยายตัวได้ไม่ถึง 1% หรืออาจอยู่ที่ราว 0.6% ซึ่งประมาณการ
ดังกล่าว ได้รวมผลบางส่วนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไว้แล้ว อย่างไรก็ดี ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้มากกว่า 0.6% ได้
เพราะต้องขึ้นกับอีกหลายตัวแปร เช่น การเจรจาการค้า มาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่กำลังจะออกมา ซึ่งจะช่วยในเรื่องการเติบโตของ
เศรษฐกิจได้
- อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แถลงยืนยันว่า ประเทศไทยยังคงเดินหน้าเจรจาการค้ากับ
สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังเป็นไปตามเป้าหมายเดิมร่วมกันว่าการเจรจาในรายละเอียดของภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal
Tariffs) และการค้าต่างตอบแทน จะต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อน
ไหวในกรอบ 32.20-32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยสัปดาห์นี้ ผู้ร่วมตลาดจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมา ซึ่งรวม
ถึงรายงานจ้างงานนอกภาคเกษตร และค่าจ้างที่แท้จริงเดือนกันยายน โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เห็นภาพ
เศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น
- สำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น (FSA) กำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบครั้งใหญ่ ซึ่งจะกำหนดนิยามให้
คริปโทเคอร์เรนซีมีสถานะเป็น "ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน" อันจะส่งผลให้คริปโทฯ ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ว่าด้วยการใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อ
ขาย (insider trading) รวมไปถึงการปรับลดอัตราภาษีจากกำไรในการซื้อขาย
- นักลงทุน ลดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยล่าสุด
FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักไม่ถึง 50% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.
ค. จากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 67%